Smart Investment

"วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี" ทายาทกลุ่มสิงห์ ดอดเก็บหุ้น SJWD เข้าพอร์ต เดือนพ.ค. 68 ถือเพิ่มแตะ 17.39 ล้านหุ้น


07 มิถุนายน 2568

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD ล่าสุด ณ วันที่ 8 พ.ค. 2568 นำมาเปรียบเทียบกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นวันที่ 14 มี.ค.2568 พบว่า "วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี" หนึ่งในทายาทกลุ่มสิงห์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นอย่างน่าสนใจ

วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี ทายาทกลุ่มสิงห์_S2T (เว็บ).jpg

โดยล่าสุดถือครอง 17,930,000 หุ้นคิดเป็น 0.99% จากเดิมที่เคยถือ 13,596,300 หุ้น คิดเป็น 0.75% จากสัดส่วนดังกล่าวสะท้อนได้ว่าในช่วงเวลา 2 เดือนได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นราว 4,333,700 หุ้น

ขณะที่การเคลื่อนไหวราคาหุ้นในรอบเดือนพ.ค. 2568 ราคาหุ้นSJWD ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.23% สวนภาพรวมดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง 2.78%

นอกจากนี้หากพิจารณาย้อนหลังไปในอดีต ยังพบว่า "วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี"ได้ปรากฎรายชื่อการเป็นผู้ถือหุ้นใน SJWD ตั้งแต่ปี 2563 และได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองมากขึ้น ดังนี้

วันที่ 30/06/2563 ถือหุ้น 5,200,000 หุ้น คิดเป็น 0.51%

วันที่10/05/2567 ถือหุ้น 9,740,000 หุ้น คิดเป็น 0.54%

วันที่ 14/03/2568 ถือหุ้น 13,596,300 หุ้น คิดเป็น 0.75%

วันที่ 8/05/2568  ถือหุ้น 17,930,000  หุ้น คิดเป็น 0.99%

สำหรับ SJWD มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 15 อันดับแรกล่าสุด ประกอบด้วย

บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ถือหุ้น 537,828,254 หุ้น คิดเป็น 29.70%

บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด          238,978,047 หุ้น คิดเป็น 13.20%

นาย ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา              205,067,600 หุ้น คิดเป็น 11.32%

นาง พิมลทิพ บัณฑิตกฤษดา                132,284,180 หุ้น คิดเป็น 7.30%

นาย จิตชัย นิมิตปัญญา                       96,744,060 หุ้น คิดเป็น5.34%

นาง อัจฉรา นิมิตรปัญญา                    55,103,660 หุ้น คิดเป็น 3.04%

น.ส. อมรพรรณ บัณฑิตกฤษดา           48,653,140 หุ้น คิดเป็น 2.69%

นาง ปณดา บัณฑิตกฤษดา                  40,538,999 หุ้น คิดเป็น 2.24%

น.ส. เพ็ญประภา รวมไมตรี                  38,687,000 หุ้น คิดเป็น2.14%

น.ส. อรวรรณ วรนิจ                             33,960,750 หุ้น คิดเป็น1.88%

นาย อนุชา กิจธนามงคลชัย                  20,200,000หุ้น คิดเป็น 1.12%

นาย วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี                          17,930,000 หุ้น คิดเป็น0.99%

น.ส. เสาวณีย์ อภิวันทน์โอภาศ             17,744,682หุ้น คิดเป็น    0.98%

กองทุนเปิด บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเลี้ยงชีพ      15,906,300 หุ้น คิดเป็น 0.88%

NOMURA SECURITIES CO LTD-CLIENT A/C    14,214,062 หุ้น คิดเป็น 0.78%

ด้านบล.ทิสโก้ ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” SJWD มูลค่าที่เหมาะสม 13.70 บาท เนื่องจากพื้นฐานแข็งแกร่ง กลยุทธ์ชัดเจน และยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง

จากการประชุมนักลงทุนล่าสุดกับ SJWD ขอยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทและคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SJWD ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการสร้างการเติบโตของกำไรอย่างยั่งยืนในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง ประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้น การบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการชำระหนี้และรีไฟแนนซ์เชิงรุก กลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีการเติบโตสูง พร้อมกับการจัดสรรเงินทุนอย่างรอบคอบและการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดมูลค่า ตอกย้ำจุดแข็งในการสร้างคุณค่าในระยะยาว

การดำเนินงานแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก

SJWD ยังคงแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การขนส่ง โลจิสติกส์ยานยนต์ ธุรกิจต่างประเทศ และคลังสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการให้บริการโลจิสติกส์แก่กลุ่ม SCC จาก 60% เป็น 65% ของปริมาณโลจิสติกส์ทั้งหมดของ SCC ภายในปี 2025 กลุ่มยานยนต์มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของ BYD ที่ 60,000 คันในปีนี้ รายได้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะ SCG International Vietnam คาดว่าจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งคลังสินค้าใหม่หลายแห่ง เช่น RDC, PACS สระบุรี เฟส 2, PACR (แอลฟา รังสิต), SCG Nichirei เฟส 3 และแอลฟา บางกระดี จะเริ่มสร้างรายได้เมื่อเปิดดำเนินงานในปี 2025

แนวโน้มกำไรและกลยุทธ์เชิงรุก

คาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่อง YoY โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มคลังสินค้า การขนส่ง และการดำเนินงานในต่างประเทศ รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนจะได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ Transimex, SWIFT, Siam JWD Logistics และ Alpha อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการรายไตรมาสอาจลดลงจากการไม่มีรายการขายที่ดินในกัมพูชาที่บันทึกไว้ใน 1Q25 และกำไรพิเศษใน 2Q24 แม้จะมีผลกระทบทางอ้อมจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่ SJWD มีรายได้จากตลาดสหรัฐฯ โดยตรงน้อยกว่า 1% และมีฐานการดำเนินงานกระจายอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน จึงช่วยลดความเสี่ยงด้าน downside ได้ บริษัทให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำกำไรและประสิทธิภาพการใช้เงินทุน โดยมีแผนขายคลังสินค้าสูงสุด 4 แห่ง มูลค่ารวม 2.5-3 พันล้านบาท เข้ากอง REIT ใน 2H25 เพื่อระดมทุนสำหรับการลงทุนใหม่และชำระหนี้ คาดว่าจะรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ราว 70-80 ล้านบาท

การประเมินมูลค่าและคำแนะนำการลงทุน

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ SJWD โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับที่ 13.70 บาทต่อหุ้น โดยอิงจากวิธีการประเมินมูลค่าด้วย DCF สมมติฐานหลัก ได้แก่ WACC ที่ 7.4% ต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 9.6% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (risk-free rate) ที่ 3.2% และส่วนชดเชยความเสี่ยงตลาด (market risk premium) ที่ 6.4% โครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทสูงสุด 50 ล้านหุ้น มูลค่า 300 ล้านบาท ยังช่วยสนับสนุนราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลงมาก ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และการบริหารเงินทุนอย่างมีวินัย SJWD ยังคงเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในกลุ่มโลจิสติกส์

วรวุฒิ-ภิรมย์ภักดี-ทายาทกลุ่มสิงห์.jpg