จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : TEGH กำไรปี 68 สดใส ความต้องการยาง EUDR พุ่ง หนุนผลงานเติบโตก้าวกระโดด
04 มิถุนายน 2568
ผลงานบมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ปี68 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะธุรกิจยางพาราที่ผลิตตามมาตรฐาน EUDR ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) โดยระบุว่า เรามองแนวโน้มกําไรปี 2568 ค่อนข้างสดใส เนื่องจากธุรกิจยางยังได้รับแรงหนุนจากความ ต้องการยาง EUDR ที่ยังสูงต่อเนื่อง โดยคาดจะมีลูกค้าอีกหลายรายที่ต้องเริ่มสั่งยาง EUDR ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อรองรับการผลิตและส่งออกในปีหน้า
ขณะที่ธุรกิจปาล์มนอกจากจะมี ปัจจัยบวกภายในจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการเพิ่มหม้อนึ่ง ใหม่ ยังมีผลบวกจากฤดูกาล เนื่องจากคาดว่าปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เทียบกับภาวะแล้งในปีก่อนหน้า จะทําให้ปริมาณปาล์มโดยรวมเพิ่มขึ้น และอาจทําให้ราคารับซื้อผลปาล์มปรับตัวลงได้
ส่วนธุรกิจ พลังงานคาดว่า จะเห็นรายได้และกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังสามารถรับรู้การขายก๊าซชีวภาพให้กับ GGC สําหรับประเด็นการปรับขึ้นภาษีนําเข้าของสหรัฐฯ เนื่องจากมีการยกเว้น ภาษียางดิบที่นําเข้า ส่วนยางล้อที่มีการส่งออกไปสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นผผลิตยางล้อของสหรัฐฯ เองที่มาตั้งฐานการผลิตในไทย โดยหากมีการย้ายฐานการผลิต คาดว่าจะยังมีการนำเข้ายางแท่งจากทางบริษัทอยู่ดี ทำให้มองผลกระทบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไม่มาก
เราคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.9 บาท อิง PER 9 เท่า แม้มีความกังวลหลายเรื่อง ทั้งการ เลื่อน EUDR ประเด็นภาษี Global Minimum Tax และ การขึ้นภาษีนําเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเรา ยังอยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบ แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันทอ่อนตัวลงมาค่อนข้างมาก ทำให้เรายังคงคาแนะนำ “ซื้อ”
การวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของบริษัท โดย “นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์” กรรมการผู้จัดการ TEGH ระบุทิศทางธุรกิจสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ บริษัทยังคงตั้งเป้าปริมาณขายยางแท่งในปีนี้อยู่ที่ 250,000-280,000 ตัน โดยยังคงสัดส่วนยอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่ 30-40% ในครึ่งปีแรก และมากกว่า 50% ในครึ่งปีหลัง เครื่องจักรผลิตยางแท่งไลน์ใหม่ที่แล้วเสร็จในปลายปีที่แล้วจะใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ในปีนี้ พร้อมพิจารณาขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม
สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบจะเทิร์นอะราวด์กลับมาได้ หลังจากติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ และหม้อนึ่งปาล์มต่อเนื่อง (Sterilizer) ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น พร้อมดำเนินการทดสอบเครื่องจักรในช่วงผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดภายในไตรมาส 2 ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปีนี้
รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าจากชีวมวลที่ใช้ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของบริษัทในเครือลงได้ ส่วนสายธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีนี้จะรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟส 1 ได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 พร้อมเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 เฟส 2 ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันปัจจุบัน TEGH อยู่ระหว่างการนำบริษัทย่อย "บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (TEBP)" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปลายปีนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ "Leading Green Energy

บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) โดยระบุว่า เรามองแนวโน้มกําไรปี 2568 ค่อนข้างสดใส เนื่องจากธุรกิจยางยังได้รับแรงหนุนจากความ ต้องการยาง EUDR ที่ยังสูงต่อเนื่อง โดยคาดจะมีลูกค้าอีกหลายรายที่ต้องเริ่มสั่งยาง EUDR ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อรองรับการผลิตและส่งออกในปีหน้า
ขณะที่ธุรกิจปาล์มนอกจากจะมี ปัจจัยบวกภายในจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการเพิ่มหม้อนึ่ง ใหม่ ยังมีผลบวกจากฤดูกาล เนื่องจากคาดว่าปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เทียบกับภาวะแล้งในปีก่อนหน้า จะทําให้ปริมาณปาล์มโดยรวมเพิ่มขึ้น และอาจทําให้ราคารับซื้อผลปาล์มปรับตัวลงได้
ส่วนธุรกิจ พลังงานคาดว่า จะเห็นรายได้และกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังสามารถรับรู้การขายก๊าซชีวภาพให้กับ GGC สําหรับประเด็นการปรับขึ้นภาษีนําเข้าของสหรัฐฯ เนื่องจากมีการยกเว้น ภาษียางดิบที่นําเข้า ส่วนยางล้อที่มีการส่งออกไปสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นผผลิตยางล้อของสหรัฐฯ เองที่มาตั้งฐานการผลิตในไทย โดยหากมีการย้ายฐานการผลิต คาดว่าจะยังมีการนำเข้ายางแท่งจากทางบริษัทอยู่ดี ทำให้มองผลกระทบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไม่มาก
เราคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.9 บาท อิง PER 9 เท่า แม้มีความกังวลหลายเรื่อง ทั้งการ เลื่อน EUDR ประเด็นภาษี Global Minimum Tax และ การขึ้นภาษีนําเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเรา ยังอยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบ แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันทอ่อนตัวลงมาค่อนข้างมาก ทำให้เรายังคงคาแนะนำ “ซื้อ”
การวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของบริษัท โดย “นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์” กรรมการผู้จัดการ TEGH ระบุทิศทางธุรกิจสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ บริษัทยังคงตั้งเป้าปริมาณขายยางแท่งในปีนี้อยู่ที่ 250,000-280,000 ตัน โดยยังคงสัดส่วนยอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่ 30-40% ในครึ่งปีแรก และมากกว่า 50% ในครึ่งปีหลัง เครื่องจักรผลิตยางแท่งไลน์ใหม่ที่แล้วเสร็จในปลายปีที่แล้วจะใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ในปีนี้ พร้อมพิจารณาขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม
สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบจะเทิร์นอะราวด์กลับมาได้ หลังจากติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ และหม้อนึ่งปาล์มต่อเนื่อง (Sterilizer) ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น พร้อมดำเนินการทดสอบเครื่องจักรในช่วงผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดภายในไตรมาส 2 ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปีนี้
รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าจากชีวมวลที่ใช้ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของบริษัทในเครือลงได้ ส่วนสายธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีนี้จะรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟส 1 ได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 พร้อมเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 เฟส 2 ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันปัจจุบัน TEGH อยู่ระหว่างการนำบริษัทย่อย "บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (TEBP)" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปลายปีนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ "Leading Green Energy