รายงานพิเศษ : MENA เปิดรับพันธมิตร ขยายโอกาสงานขนส่งด้วยรถ EV หวังสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เปิดรับพันธมิตร ขยายโอกาสเพิ่มฟรีทงานขนส่งด้วยรถ EV สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง มั่นใจธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ และการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค
ธุรกิจก่อสร้างและการขนส่งยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ตามการสนับสนุนลงทุนของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจากมุมมองของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
ที่เชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมการก่อสร้างไตรมาสแรกที่เติบโตได้ดี โดยปริมาณการใช้คอนกรีตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2568 ประกอบกับบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดของการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นว่าธุรกิจการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถ Mixer ของบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มสดใสตามอุตสาหกรรม
และเพื่อให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป MENA ยังคงมองหาโอกาสในการขยายฟรีทเพิ่มเติม ผ่านทางการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดร่วมกัน โดยเฉพาะงานขนส่งด้วยรถ EV ควบคู่ไปกับการบริหารฟรีทรถที่มีอยู่แล้วให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนทิศทางธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่ายังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งธุรกิจการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ และธุรกิจการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จากปัจจัยสนับสนุนด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงและทางหลวงพิเศษ ซึ่งช่วยกระตุ้นการก่อสร้างและส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ
นอกจากนี้ แนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยจากผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ยังน่าจะช่วยผลักดันการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะคอนกรีตผสมเสร็จ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ด้านการบริโภคภายในประเทศ คาดว่า จะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะเป็นผลดีกับ บริษัทร่วมทุน บริษัท ทีดี เอ็มลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ประกอบกับ TDM ยังมีแผนในการขยาย Fleet รถเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของ บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป (CJ)
ขณะที่ บล.ดาโอ ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า 1Q25 บริษัทมีกำไรโต YoY รายได้ขนส่งและ TDM หนุน บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 17 ล้านบาท (+53% YoY, -26% QoQ) (ไม่มี consensus) ตามทิศทางรายได้จากธุรกิจขนส่งและขนส่งคอนกรีต รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM ทั้งนี้รายได้รวม 1Q25 อยู่ที่ 212 ล้านบาท (+8% YoY, -6% QoQ) ตามทิศทางรายได้ธรุกิจขนส่ง (+7% YoY, -5% QoQ) และขนสงคอนกรีต (+9% YoY, -1% QoQ) ในขณะที่ GPM อยู่ที่ 15% (+0.6ppt YoY, -1.3ppt QoQ) จาก utilization rate ตามทิศทางรายได้ ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM (+34% YoY, -28% QoQ) จากการขยายกองรถและบริการที่เพิ่มขึ้น YoY
ทั้งนี้บล.ดาโอยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E คาดเพิ่มขึ้นจากโอกาสการรับงานเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิ 1Q25 คิดเป็น 21% ของประมาณกำไรสุทธิปี 2025E ของเราที่ 79 ล้านบาท (+20% YoY) เบื้องต้นเรา ยังคงประมาณการดังกล่าว โดยคาดหวังงานงานภาครัฐออกมามากขึ้นในปี 2025E หนุนรายได้ และ utilization rate ซึ่งทำให้ GPM ดีขึ้น
และให้ราคาเป้าหมาย 1.11 อิง PER 13x เทียบเท่า PEG 1.0x โอยอิงอัตราการเติบโตปี 2024-26E CAGR ที่ +13% ทั้งนี้ key catalyst คือการขยายตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ความเสี่ยงคือความผันผวนของราคาน้ำมันและการปรับขึ้นค่าแรง แต่ประเมินจะเป็นเพียง short term impact เพราะสามารถผลักต้นทุนดังกล่าวไปให้ลูกค้าได้