รายงานพิเศษ : TPLAS เดินหน้าขยายบรรจุภัณฑ์ สอดรับมูลค่าตลาดร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ศึกษาและพัฒนาสินค้าต่อยอดการเติบโต
แม้เศรษฐกิจจะเติบโตช้าลง แต่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญในการดำรงชีวิต ซึ่งในปีนี้ยังมีการเติบโตได้ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดมูลค่าตลาดอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหาร เช่น ถุงบรรจุอาหาร
เห็นได้จากมุมมอง นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ภายใต้แบรนด์ "หมากรุก" ที่ระบุว่า ปี 2568 บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้า พร้อมศึกษาและพัฒนาสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต Double Digit
โดยมีแผนเพิ่มสินค้าและประเภทสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารมากขึ้น รวมถึงบรรจุภัณฑ์กระดาษที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น อีกทั้งกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มยอดขายสินค้าภายในประเทศ ผ่านการทำการตลาดและขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าร้านอาหารและกลุ่มเดลิเวอรี่
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสและช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ในการสร้างรายได้เพิ่ม โดยได้ศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ รวมถึงรูปแบบการลงทุนร่วมกับพันธมิตร เพื่อเพิ่มเติมการลงทุนที่มีในปัจจุบัน และผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
ซึ่งการเติบโตดังกล่าวของ TPLAS สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในประเทศในปี 2568 มูลค่าตลาดอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567
ในปี 2568 คาดว่า มูลค่าตลาดร้านอาหาร (รวมร้านอาหารประเภทร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด และร้านอาหารข้างทางหรือ Street Food ที่มีหน้าร้าน) จะมีมูลค่ารวมประมาณ 562,000 ล้านบาท เติบโต 3.0% จากปี 2567 (รูปที่ 6) การเติบโตของร้านอาหารแต่ละรูปแบบมีปัจจัยเฉพาะที่ต่างกัน
ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) คาดว่าจะเติบโต 1.1% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 209,000 ล้านบาท กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ จากการที่ผู้บริโภคมีการปรับลดค่าใช้จ่ายหรือความถี่ในการทานอาหารนอกบ้าน ขณะที่กลุ่มร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่มองเรื่องความคุ้มค่า เช่นเดียวกับกลุ่มร้านอาหารประเภทอะลาคาร์ท อย่างร้านกลุ่ม Contemporary Casual Dining อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) คาดว่าจะเติบโต 2.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 92,000 ล้านบาท การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาของผู้ประกอบการอย่างกลุ่มไก่ทอดและพิซซ่า รวมถึงผู้ประกอบการที่ให้บริการในรูปแบบ Full Service ได้ปรับรูปแบบร้านอาหารมาเป็นแบบ Quick Service มากขึ้น และการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง
ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน คาดว่าจะเติบโต 4.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท ร้านอาหารต้นตำรับ ที่เปิดมานานมีเอกลักษณ์และยังสามารถรักษากระแสนิยม อีกทั้งเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่สูง ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตกว่ากลุ่มอื่น กอปรกับร้านอาหารแนว Street Food ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงการทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ช่วยหนุนร้านอาหารกลุ่มนี้
ขณะที่มูลค่าตลาดร้านเครื่องดื่ม (รวมร้านเบเกอรี่และไอศกรีม) จะมีมูลค่ารวมประมาณ 84,200 ล้านบาท เติบโต 1.9% จากปี 2567