รายงานพิเศษ : OR ครึ่งปีหลังกำไรโตเด่น ลุ้นยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น ไตรมาส 3/68 สรุปดีลซื้อธุรกิจฟาสต์ฟู้ด
บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายน้ำมัน ไตรมาส 3 ประกาศชื่อธุรกิจใหม่ทดแทนเท็กซัส ชิคเก้น บล.LH คาดครึ่งปีหลังกำไรเติบโตโดดเด่น ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิมให้ “ซื้อเก็งกำไร”
กระทรวงพลังงานรายงานสถานการณ์การใช้น้ำมันพบว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ไตรมาส 1/68 (ม.ค.-มี.ค.) อยู่ที่ 158.67 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยที่น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 15.1% เนื่องจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริการ และการใช้ LPG เพิ่มขึ้น 0.3% การใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่กลุ่มเบนซินลดลง 0.4% น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการลดลง 1.5% และ NGV ลดลง 15.1%
โดยการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 19.22 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 15.1% ยังคงขยายตัวได้ดีจากภาคท่องเที่ยวและการบริการ ผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสมถึงเดือนมี.ค. 68 จำนวน 9.55 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยขยายตัว 2.12% รวมไปถึงการขยายตัวของบริการขนส่งสินค้าทางอากาศด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ปริมาณการใช้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
ขณะที่ยอดขายน้ำมันที่เติบโตขึ้นส่งผลดีต่อ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ที่ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในธุรกิจน้ำมันของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 35% เป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม
โดย บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานะของบริษัท และปรับคำแนะนำใหม่เป็น “ซื้อ” ตาม Upside ที่เพิ่มขึ้น มองว่า OR ยังมีแรงหนุนจากกำไรครึ่งหลังปี 68 เติบโตเด่น จากแนวโน้มยอดขายน้ำมันเป็นบวกมากกว่าอุตสาหกรรม
ในไตรมาส 1/68 OR มียอดขายน้ำมัน 6,708 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน ซึ่งเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมที่ทรงตัวจากปีก่อน (vs. คู่แข่ง BCP -1%YoY, PTG -3%YoY)
ด้วยแรงหนุนหลักจาก ยอดขายน้ำมัน Jet เพิ่มขึ้น 23%จากปีก่อน ซึ่งเติบโตดีกว่าภาพรวมเพิ่มขึ้น 14%จากปีก่อน รวมถึงยอดขายน้ำมันเบนซินและดีเซลก็เป็นบวกมากกว่าอุตสาหกรรมและ OR มองว่าแนวโน้มยอดขายน้ำมัน ในไตรมาส 2/68 ยังเป็นบวกต่อเนื่อง
แม้ได้รับผลกระทบจากฤดูกาลที่เข้าสู่ฤดูฝน ตามการเติบโตของน้ำมัน Jet ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือการจัดโปรโมชั่นพิเศษลดราคาน้ำมันเบนซิน 0.50 บ./ลิตร ตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. เพื่อดึงส่วนแบ่งตลาด (สัดส่วนการขาย 19% ของทั้งหมด) ซึ่งไม่ได้เพียงแค่กระตุ้นยอดขายระยะสั้นเท่านั้น แต่เป็นการเพิ่มสมาชิก Blue Card เพื่อเพิ่มความภักดีต่อ แบรนต์ และต่อยอดไปยังธุรกิจ Lifestyle ทั้งกาแฟอเมซอนและร้าน 7-11 ในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุด้วยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบลดลง และการจัดโปรโมชั่น ทำให้เป็นที่คาดหมายว่ากำไรขั้นต้นต่อลิตรในไตรมาส 2/68 จะลดลง
อย่างไรก็ตาม OR มองว่ากำไรขั้นต้นต่อลิตรจะอยู่ระดับที่ดีอยู่ ในช่วง 0.80-1.20 บ./ลิตร (1Q68 : 1.02, 2Q67 : 0.90, เคยต่ำสุด 0.48) จากกำไรที่ดีของน้ำมัน Jet ที่โครงสร้างราคาขายอิงเดือนก่อนหน้า และการบริหารจัดการน้ำมันคงคลัง และต้นทุน
ขณะเดียวกัน OR ยังอยู่ระหว่างมองหาธุรกิจใหม่ทดแทนเท็กซัส ชิคเก้น โดยจะเป็นธุรกิจฟาสต์ฟู้ดที่คนไทยคุ้นเคย ราคาไม่แพงมาก คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 3/68 ตั้งเป้าหมายเปิดสาขา 5-10 สาขาในปีนี้ และ 40 สาขาปีหน้า ทางด้านธุรกิจ found & found ซึ่งเกิดค่าใช้จ่ายในช่วงทดลองตลาด OR มองว่า จะใช้เวลา 2 ปี โดยจะพิจารณาทบทวนแผนธุรกิจอีกครั้ง ทั้งนี้ เรามองกำไรของธุรกิจ Lifestyle เติบโตเด่นในปีนี้ ตามการควบคุมค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ และปีที่แล้วมีค่าใช้จ่ายพิเศษการยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น
ทั้งนี้ เราคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 จะอ่อนลงจากไตรมาสก่อน ตามฐานกำไรที่สูง (ส่วนหนึ่งเป็นรายการพิเศษ-กลับรายการขาดทุนเครดิต) ตามปริมาณขายน้ำมันลดลงตามฤดูฝน คาดกำไรขั้นต้นต่อลิตรลดลงตามการจัดโปรโมชั่นและขาดทุนสต๊อกน้ำมัน แต่กำไรจะถูกชดเชยบางส่วนจากดอกเบี้ยจ่ายลดลงตามการคืนเงินกู้ยืมระหว่างไตรมาส 3.8 พันลบ. และดอกเบี้ยตลาดลดลง
ดังนั้นจึงปรับคำแนะนำใหม่เป็น “ซื้อ” ตาม Upside ที่เพิ่มขึ้น โดยราคาหุ้น OR ปรับตัวลง -13% หลังประกาศกำไร 1Q68 (8 พ.ค.) ที่ดีกว่าคาด ซึ่งเรามองว่าได้สะท้อนแรงขายทำกำไรระยะสั้นไปแล้ว ทำให้มี Upside เพิ่มเป็น17% เราจึงปรับ คำแนะนำใหม่เป็น “ซื้อ” (เดิม “ซื้อเก็งกำไร”)
แม้กำไรระยะสั้นไตรมาส 2/68 อาจลดลงจากไตรมาสก่อน แต่กำไรของ OR จะโดดเด่นมากอีกครั้งในครึ่งหลังปี 68 ตามผลลบจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันหายไป และการเติบโตสูงจากปีก่อนตามฐานต่ำ รวมถึงคาดกำไรทั้งปีเติบโตเด่น