จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SUPER รับเศรษฐกิจเวียดนามโต เตรียมเปิด COD โรงไฟฟ้า 2 แห่ง เดินหน้าสร้างความยั่งยืนในอนาคต


20 พฤษภาคม 2568

บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) รับอานิสงส์การเดินทางเยือนเวียดนามของรัฐบาล หนุนการลงทุนภาคเอกชน  เตรียมCOD โรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่งในเวียดนามปลายปีนี้ สร้างรายได้เติบโตยั่งยืน

SUPER รับเศรษฐกิจเวียดนามโต_รายงานพิเศษ S2T (เว็_.jpg

การเดินทางเยือนประเทศเวียดนามของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

ด้วยการจัดทำแผน Three Connects ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจท้องถิ่น และเศรษฐกิจสีเขียว โดยมุ่งบรรลุเป้าหมายการค้าให้ได้ 25,000 ล้านดอลลาร์โดยเร็ว พร้อมผลักดันการประชุม Joint Trade Committee และอำนวยความสะดวกด้านสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ รวมถึงอำนวยความสะดวกขนส่งสินค้าผ่านเวียดนามสู่ตลาดจีน

ซึ่งนอกจากด้านการค้าและการลงทุนแล้ว ในเรื่องของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียว ประเทศเวียดนามนับเป็นหมุดหมายที่สำคัญของภาคเอกชนไทย รวมทั้ง บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ซึ่ง “จอมทรัพย์ โลจายะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER  ระบุในปีนี้เตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ Soc Trang 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 2 -3 และโครงการ Bec Lieu ที่จะทยอย COD ในช่วงปลายปีนี้

นอกจากนี้ จะมีความร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

และกลุ่มบริษัทฯ SUPER ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเป้าหมายไว้ ทั้งในเรื่องการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนต่างๆ โดยเน้นในประเทศไทย จากความต้องการใช้ไฟฟ้ายังมีปริมาณที่สูง รวมทั้งเดินหน้ามองหาโอกาสใหม่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต และตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมแตะระดับ 2,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570

ปัจจุบัน SUPER มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จำนวน 2,169.39 เมกะวัตต์ จำนวน 204 โครงการ ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 1,486.71 เมกะวัตต์ จำนวน 160 โครงการ

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) มีกำไรสุทธิ 165.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.38% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 155.18 ล้านบาท และมีรายได้ 2,360.71 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

ขณะที่มี EBITDA จำนวน 1,899.65 ล้านบาท หรือคิดเป็น EBITDA Margin 83% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนความสามารถการทำกำไรในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2568  ที่ผ่านมา บริษัทฯยังได้ชำระคืนหุ้นกู้ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 800 ล้านบาท รวมทั้งการชำระคืนหุ้นกู้ในเดือนเมษายน จำนวน 1485.6 ล้านบาท  ตอกย้ำสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน