จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หนุน รายได้ STARK ปี 66 ตั้งเป้าโต Double Digit


28 กุมภาพันธ์ 2566
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ และยังซึ่งส่งผลดีไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล  ของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK)  ที่ปี 66  บริษัทตั้งเป้ารายได้โต Double Digit
รายงานพิเศษ STARK280223.jpg
เศรษฐกิจไทยปี 2566  สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัว ในช่วง 2.7%-3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 
(1) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนตามการเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาด 
(2) การขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวตามกรอบงบลงทุนของรัฐบาลและความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจ 
(3) การขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของฐานรายได้โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยวและภาคเกษตร และการฟื้นตัวของแรงงาน
(4) การขยายตัวในเกณฑ์ดีของภาคเกษตรตามแนวโน้มผลผลิตที่ขยายตัว

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ปี 2566 จะมีนักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านการท่องเที่ยว และการลงทุนเพื่อขยายตลาด การปรับโครงสร้างการผลิตในประเทศต่างๆ ที่มีการขยายฐานการผลิตของธุรกิจต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย

โดยเฉพาะธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า, ธุรกิจเกษตร, อาหาร, ชีวภาพ, ธุรกิจท่องเที่ยว, สุขภาพ และธุรกิจดิจิทัลต่างๆ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในพื้นที่ EEC ช่วงเดือนม.ค.66 พบว่า  มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 8 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุน 683 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 632 ล้านบาท, จีน 2 ราย ลงทุน 48 ล้านบาท และสหราชอาณาจักร 1 ราย ลงทุน 3 ล้านบาท 

การลงทุนในโครงการต่างๆที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น  ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ที่มีบริษัทย่อยเป็นผู้ประกอบกิจการรายใหญ่ในการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลมามากกว่า 50 ปี  

ซึ่งนายกิตติศักดิ์  จิตต์ประเสริฐงาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (Phelps Dodge) บริษัทย่อยของ บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า Phelps Dodge ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตสายไฟฟ้า และสายเคเบิล ครบวงจร ได้รับงานสายไฟฟ้าสนามบิน (Airport Lighting Cable) ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิรันเวย์ที่ 3 และรวมถึงการปรับปรุงรันเวย์ที่ 1 
          
สายไฟดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้าสนามบินที่เป็นทัศนสัญญาณ ช่วยในการมองเห็น (Visual Aids) ของนักบิน ในการนำเครื่องขึ้นลง หรือช่วยนำเครื่องบินเคลื่อนไปยังตำแหน่งต่างๆ ภายในสนามบินได้อย่างสะดวก และปลอดภัย โดยเฉพาะเวลากลางคืนหรือเวลาที่สภาพอากาศปิดเช่นหมอกจัดหรือฝนตกหนัก เป็นต้น
          
"สายไฟฟ้าสนามบินดังกล่าวเป็นสายในกลุ่ม Specialty Cable ระดับ Medium Voltage 5kV ผลิตในประเทศไทย โดย Phelps Dodge International Thailand ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานของ FAA (Federal Aviation Administration) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับและเป็นสินค้าที่มี Margin สูงอีกด้วย" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
          
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ STARK ในปี 66  บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้แบบ Double Digit โดยจะมาจากรายได้หลักคือ ธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่ตลาดยังเติบโตได้ทั้งจากการขยายตัวของความต้องการไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ  ส่งผลให้มีการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน รวมถึงระบบสายส่งและระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Transmission and Distribution Systems) และโดยเฉพาะโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน รวมถึงการขยายตัวของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)  และการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มากขึ้น