จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : สินค้าเกษตร “ยางพารา-น้ำมันปาล์ม”ราคาพุ่ง หนุนผลงาน TEGH โบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ”


08 พฤษภาคม 2567
สถานการณ์ภัยแล้งส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพาราและน้ำมันปาล์มปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูก รวมทั้งบมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  (TEGH) ซึ่งผู้บริหารมั่นใจผลการดำเนินงานปีนี้แนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

รายงานพิเศษ สินค้าเกษตร “ยางพารา-น้ำมันปา.jpg

ด้าน ttb analytics คาดในปี 2567 รายได้ภาคเกษตรใน 5 พืชหลักสำคัญ จะมีมูลค่าอยู่ที่ 9.03-9.23 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8%-10%  ด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคายางพาราและอ้อยเป็นหลัก ส่งผลให้รายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 

โดยกลุ่มสินค้าเกษตรที่รายได้เพิ่มขึ้นจากระดับราคาที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลผลิตที่ลดลง  ได้แก่ ยางพาราและอ้อย แม้ผลผลิตลดลงเนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ไม่เพียงพอ จากผลของภัยแล้งในปีก่อนส่งผลต่อผลผลิตที่ออกในปีปัจจุบัน ประกอบกับการระบาดของโรคใบร่วง ทำให้ผลผลิตยางพารามีแนวโน้มลดลงจาก 4.71 ล้านตันเหลือ 4.67 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 0.85% เช่นเดียวกับอ้อยที่คาดว่าผลผลิตลดลงเหลือ 82 ล้านตัน จาก 89 ล้านตันลดลงจากปีก่อน 6-7% แต่ด้วยแรงหนุนจากระดับราคายางพาราและอ้อยที่เพิ่มขึ้น 38% และ 24% ตามลำดับ จึงช่วยชดเชยผลผลิตที่ลดลง ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรปลูกยางพาราเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37% เช่นเดียวกับอ้อยที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 15-17%

ส่วนกลุ่มสินค้าเกษตรที่รายได้ทรงตัวจากระดับราคาที่เพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยผลผลิตที่ลดลงได้บางส่วน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน จากผลกระทบสภาพอากาศร้อนและปริมาณน้ำไม่เพียงพอส่งผลให้ปาล์มน้ำมันมีการออกทะลายและน้ำหนักของทะลายปาล์มน้ำมันลดลง โดยคาดว่าการผลิตปาล์มน้ำมันจะหดตัวจาก 18.2 ล้านตันเหลือ 18.1 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 0.8% อย่างไรก็ดี แรงหนุนจากระดับราคาที่ยังอยู่ในระดับสูงจากราคาที่ขยายตัวถึง 4% จากปีก่อนจะช่วยทดแทนรายได้ผลผลิตที่หายไป หนุนให้รายได้ของเกษตรกรปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยอยู่ที่ 3 %

สินค้าเกษตรทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน เป็นธุรกิจหลักของ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  (TEGH) ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร  โดย นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะยางแท่งที่ยอดขายมีโอกาสทำ ออล ไทม์ ไฮ 

โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว และอุตสาหกรรมยางล้อเติบโตในทิศทางที่ดี ทำให้ราคาขายยางแท่งปรับตัวดีขึ้น บวกกับความต้องการสินค้าจากยุโรป และจีน รวมถึงขยายตลาดไปยังประเทศอินเดียได้มากขึ้น ที่สำคัญคือได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ที่ได้มีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายยางแท่งเกรด EUDR แล้วทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย ซึ่งจะเริ่มส่งมอบสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้

นอกจากแผนขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เติบโต สร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับนักลงทุน ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573

ขณะที่ บล.หยวนต้า วิเคราะห์หุ้น TEGH  โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 1/67 ที่ 43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.4% จากไตรมาสก่อน  แต่จะลดลง 55.9% จากปีก่อน) โดย เติบโตเด่นจากธุรกิจยางพาราที่มีราคาขายเฉลี่ย และปริมาณขายสูงขึ้น แต่หากเทียบจากปีก่อนยังชะลอลงจากธุรกิจนน้ำมันปาล์มดิบที่อ่อนแอ และประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 จะกลับมาเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และเติบโตจากปีก่อน อีกครั้ง จากปัจจัยบวกของธุรกิจยางพาราที่คาดจะเติบโตต่อ และคาดหวังการฟื้นตัวของธุรกิจน้ำมันปาล์ม 

โดยคงมุมมองบวกต่อภาพอุตสาหกรรมยางพาราที่คาดเข้าสู่รอบขาขึ้นในปี 2567 จากปริมาณผลผลิตที่คาดจะน้อยกว่าปกติ แต่ Demand ฟื้นในทุกภูมิภาค ทั้งนี้เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 382 ล้านบาท 69.3% จากปีก่อน คงราคาเหมาะสมที่ 3.60 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”