จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ตลาดอีคอมเมิร์ซ-ค้าปลีกไทยโต หนุนผลงาน TPLAS เจาะ “ลูกค้าออนไลน์-เดลิเวอรี่”


26 เมษายน 2567

ปีนี้เป็นอีก 1 ปีที่ตลาดอีคอมเมิร์ซและตลาดค้าปลีกในประเทศ ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตรา 5-7%  หนุนกลยุทธ์ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านออนไลน์-เดลิเวอรี่ ดันรายได้โต 10%

รายงานพิเศษ ตลาดอีคอมเมิร์ซ-ค้าปลีกไทยโต.jpg

Priceza  คาดการณ์มูลค่ายอดขายที่เกิดบน platform หรือ GMV ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2023 อยู่ที่ 172,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ   ส่วนปี 2024  คาดการณ์มูลค่ายอดขาย GMV เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 199,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดอีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 980,000 ล้านบาท รองจากอันดับ 1 คือ อินโดนีเซีย มูลค่า 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ตลาดค้าปลีกปี 2024 จะโตต่อเนื่องเป็นผลจากการบริโภคที่ขยายตัว การเติบโตเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 5-7% เป็นผลมาจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตลอดจนการเข้ามาของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ SCB EIC ยังได้ทำการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคแบ่งตามช่วงวัย พบว่าช่องทางยอดนิยมของคนทุกช่วงวัยในการซื้อสินค้าออนไลน์ยังคงเป็น Marketplace อย่าง Shopee Lazada ขณะเดียวกันกลุ่ม Gen Z ก็นิยมซื้อของผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับ Marketplace ขณะที่กลุ่ม Baby Boomer นิยมซื้อของออนไลน์จากช่องทางของแบรนด์โดยตรงเนื่องจากมี Brand Loyalty สูง

ตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง  สนับสนุนทิศทางการดำเนินงานของ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994)  (TPLAS)  ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ภายใต้แบรนด์ "หมากรุก" ซึ่ง นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ  ระบุ  แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน

โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจพลาสติกและกระดาษ อีกทั้งมีแผนเพิ่มสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Packaging) มากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านออนไลน์-เดลิเวอรี่ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีการสั่งซื้ออาหารผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มยอดขายสินค้าภายในประเทศ ผ่านการทำแคมเปญการตลาด และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น เพิ่มกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าร้านอาหารมากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้มีการขยายทีมมาร์เก็ตติ้ง และทีมขาย ควบคู่ไปกับการศึกษา และเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

"แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีความผันผวนน้อยลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ ราคาน้ำมันที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันด้านราคาในตลาด อีกทั้ง บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้าง New S-Curve สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต" นายอภิรัตน์ กล่าว