จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : “สังคมผู้สูงอายุ-มลพิษทางอากาศ” หนุน รายได้ HL ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 10%


05 เมษายน 2567

โครงสร้างสังคมสูงอายุ และไทยจะเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุขั้นสุดยอด ในปี 2572  หนุนยอดขายร้ายขายยา  ซึ่งผู้บริหาร HL มั่นใจปีนี้รายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% 

รายงานพิเศษ “สังคมผู้สูงอายุ-มลพิษทางอากา.jpg

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจสุขภาพเป็นหนึ่งในธุรกิจศักยภาพที่เติบโตต่อเนื่อง สะท้อนได้จากมูลค่าการใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยซึ่งเติบโตเฉลี่ยที่ 5.8% (CAGR) ในช่วงปี 2560-2566 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 6.0% ในปี 2567 ด้วยปัจจัยหนุน

- จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นตามโครงสร้างสังคมสูงอายุ ซึ่งไทยจะเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุขั้นสุดยอด  ในปี 2572 จึงอาจมีความต้องการดูแลรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้นตามความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (non-communicable diseases) เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน

- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและปัญหามลพิษ เช่น อากาศร้อนจัด หรือฝุ่น PM 2.5 รวมถึงความรุนแรงของโรคและโรคอุบัติใหม่ ทำให้ประชาชน หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลป้องกันสุขภาพมากขึ้น

ซึ่งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ยอดขายของร้านขายยาจะอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโตที่ 4.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน  ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ในหลายประเด็น ได้แก่

- การรุกขยายสาขาของร้านเชนสโตร์ ทำให้รายย่อยแข่งขันลำบาก ทั้งแฟรนไชส์รายใหญ่ ผู้ผลิตยาและโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทางตรง รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่แตกไลน์ธุรกิจร้านขายยาและสินค้าสุขภาพเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้งที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้สะดวก ส่งผลให้ร้านขายยารายย่อยบางส่วนแข่งขันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในเขตเมืองและพื้นที่ชุมชนซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ สะท้อนได้จาก ยอดขายของร้านขายยาเชนสโตร์ในปี 2567 คาดว่าจะมีสัดส่วนราว 30% เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีสัดส่วนมูลค่าราว 28% ขณะที่สัดส่วนยอดขายของร้านขายยารายย่อยน่าจะมีแนวโน้มลดลง 

 - การแข่งขันเพื่อแย่งชิงเภสัชกร แม้ว่าปัจจุบันจะมีจำนวนเภสัชกรที่ปฏิบัติหน้าที่ในร้านขายยาประมาณ 22,000 คน ซึ่งยังมีเพียงพอกับจำนวนร้านขายยา แต่ในระยะข้างหน้า หากผู้ประกอบการโดยเฉพาะเชนสโตร์ยังคงมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น อาจทำให้ท้ายที่สุด จำนวนเภสัชกรเพิ่มขึ้นไม่ทันกับจำนวนสาขาร้านขายยา ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการเชนสโตร์รายใหญ่เปิดรับสมัครเภสัชกรทั้งฟูลไทม์ พาร์ทไทม์ โดยแข่งกันเสนอทั้งเงินเดือน ค่าประสบการณ์ สวัสดิการต่างๆ รวมถึงเปิดโอกาสให้ร่วมเป็นเจ้าของร้านขายยาเพื่อดึงดูดให้เภสัชกรเข้ามาทำงาน5

การวิเคราะห์ดังกล่าว สอดคล้องกับมุมมองของ บมจ.เฮลท์ลีด (HL) โดย “ธัชพล ชลวัฒนสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม จำนวน 1,659.31 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 74.67 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการเติบโตจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG : Same Store Sales Growth)และยอดขายจากสาขาใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 20 สาขาในปีนี้ ภายใต้แบรนด์ ร้านขายยาiCare, Pharmax, vitaminclubและSuper Drugส่งผลให้ปี 2567 บริษัทฯ จะมีสาขารวม 70 สาขาทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน ในปี 2567 กลุ่มบริษัทวางแผนเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 23% จากปัจจุบัน ด้วยการปรับรูปแบบการขายสินค้าให้รัดกุม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมขั้นสูงกว่า 10 รายการ ปัจจุบันเริ่มวางตลาดแล้ว เช่น สเปรย์สลายกลิ่นอเนกประสงค์ รวมทั้งนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และเพิ่มสินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกายเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีทิศทางสดใส เนื่องจากได้รับผลดีจากมาตรการ Easy E-Receipt  ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสนับสนุนให้ผลดำเนินงานกลุ่มบริษัทHLเติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน

HL