Smart Investment

หุ้นไอพีโอฝ่ามรสุมลมร้อนเดือน เม.ย. ผลตอบแทนสุดฉ่ำ!


05 เมษายน 2567

Mr.Data

หุ้นไอพีโอ.กลับมาแจ้งเกิด copy.jpg

ฝ่ามรสุมลมร้อนเดือนเมษาฯ กับหุ้นไอพีโอน้องใหม่ให้ผลตอบแทนฉ่ำๆ หลังพาเหรดเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ภายในสัปดาห์แรก ราคาพุ่งกระฉูด

...เริ่มจาก

บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (APO)ราคาไอพีโอ 0.99 บาท เข้าเทรดวันแรก 2 เมษายน 2567 เปิดตลาดพุ่งเหนือจอง 75%

บริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (BPS) ราคาไอพีโอ 0.90 บาท เข้าเทรดวันแรก 3 เมษายน 2567 เปิดตลาดพุ่งเหนือจอง 135%

บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) (QTCG) ราคาไอพีโอ 1.20 บาท เข้าเทรดวันแรก 4 เมษายน 2567 เปิดตลาดพุ่งเหนือจอง 82%

....ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกกับการลงทุนผ่านหุ้นไอพีโอ

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 4 เมษายน 2567 มีบริษัทที่เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 9 บริษัท

แบ่งเป็น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) 4 บริษัท ประกอบด้วย

BKGK

NL

CREDIT

ADVICE

 

เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประกอบด้วย

BPS

APO

PANEL

NAT

EURO

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า ช่วงเวลาที่ยากที่สุดในรอบปีกำลังจะผ่านไปในช่วงไตรมาส 1/67 โดยประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/67 และดีขึ้นตามลำดับในครึ่งหลังปี 2567 ตามที่เคยประเมินไว้ช่วงต้นปีนี้ จากโอกาสในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ รวมถึง การเบิกจ่ายงบประมาณของไทยที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากการเบิกจ่ายทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ เราประมาณการเติบโต GDP ของไทย จะขยายตัวได้ 3.0% จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น

แต่หากการเบิกจ่ายต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งหากเป็นกรณีหลังประเมินว่า ธปท. อาจสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด

สำหรับหุ้นเด่นไตรมาส 2 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP

บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือนเมษายน 2566 คาดว่าแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway เนื่องจากติดวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยมีแรงหนุนจากตัวเลข PCE ของสหรัฐชะลอตัว และกระแสคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในการประชุม FOMC เดือนพฤษภาคมนี้ประกอบกับมีประเด็นบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ได้แรงหนุนจากมติโอเปกพลัสที่เหนือความคาดหมายของตลาดในการประกาศปรับลดการผลิต ขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์เป็นเป็นปัจจัยลบกดดันตลาด คาดกรอบดัชนี1,590-1,640 จุด

แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากกลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังการผลิต ได้แก่ หุ้น PTTEP, TOP, PTT, SPRC และ BCP