Smart Investment

“นิติ โอสถานุเคราะห์” ถือ MINT เพิ่ม ดันสัดส่วนถือครองออลไทม์ไฮ


20 มีนาคม 2567

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงท้ายปลายเดือนมีนาคม ความคาดหวังว่าดัชนีจะฟื้นขึ้นมาได้โดยรอปัจจัยสนับสนุนวินโดเดรสซิ่ง ก่อนปิดงวดไตรมาส1/2567

smart invest นิติ โอสถานุเคราะห์”อู้ฟู่!.jpg

บล.เอเซียพลัสระบุว่า วานนี้ SET INDEX ปิดลบ 3.48 จุด อยู่ที่ระดับ 1382.46 จุด และมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าซื้อขายที่สูงเป็นอันดับ 6 ของปีนี้ และเป็นอันดับ 1 ของเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักมาจากมูลค่า BIGLOT ของ AWC-F ที่สูงถึง 1.79 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักออกจากมูลค่าซื้อขายของ SET จะทำให้มูลค่าซื้อ ขายที่แท้จริงอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายเดือน จะเห็นได้ว่าไตรมาส 1 ของปีนี้ เทียบกับไตรมาส 1 ของ ปีที่แล้ว SET มีมูลค่าซื้อขายที่เบาบางลงอย่างชัดเจน โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.2-4.5 หมื่นล้านบาท(คิดเป็นระดับ TURNOVER 61%-65%) ซึ่งช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมี มูลค่าซื้อขายที่ระดับ 5.8-6.8 หมื่นล้านบาท(คิดเป็นระดับ TURNOVER 72%-81%) ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มูลค่าซื้อขายเบาบาง คาดว่าจะเป็น ในช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยหนุนเข้ามาเสริมให้ SET คึกคัก ทั้งในมุมของนโยบาย การเงิน ที่ยังมีความเสี่ยงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมจนถึงช่วงกลางปีนี้ และนโยบายการคลัง ที่ยังไม่มีแรงเบิกจ่าย ต้องรอจนกว่างบประมาณปี 67 จะ มีผลบังคับใช้ จึงทำให้ FLOW ต่างชาติยังคงไหลออกจากหุ้นไทยเรื่อยมา

  • การปรับประมาณการลงของ GDP และ EPS โดย GDP GROWTH ปีนี้หลาย สำนักเศรษฐกิจปรับประมาณการ GDP ลงเป็นต่ำกว่า 3% ซึ่งถือว่าต่ำกว่า ระดับ GDP ของเพื่อนบ้านเรา(อาเซียน) ขณะที่ EPS67F ก็มีการทยอยปรับ ประมาณการลง หลังงบ 4Q66 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 91.40 บาท/หุ้น

ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ SET INDEX ผันผวนในกรอบแคบ และเกิดการ SECTOR ROTATION ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการหนุนหุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็กกลับมา OUTPERFORM

สรุป ปัจจัยบวกไม่มี ปัจจัยลบที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ SET INDEX ไม่ขึ้น-ลง อย่างมีนัยฯ โดยประเมินกรอบวันนี้ที่ระดับ 1379 –1390 จุด ขณะที่ FLOW ต่างชาติยังไม่มีทีท่าว่า จะไหลกลับเข้ามา จึงทำให้หุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก OUTPERFORM อาทิ กลุ่ม STEEL(SAM BSBM TSTH PERM INOX) AGRI(NER STA TRUBB) CONS(CNT PLE CIVIL TEAMG UNIQ) เป็นต้น

ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนหุ้นของ “นิติ โอสถานุเคราะห์”ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีการถือครองหุ้น 9 บริษัท มีมูลค่าการถือครองรวมทั้งสิ้น 5.28 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย

หุ้น จำนวน(หุ้น) มูลค่าถือครอง(บ.)
BKI 2,224,362 698,449,668
CENTEL 41,314,611 7,817,996,250
CPN 83,234,500 5,285,390,750
HMPRO 665,764,862 7,389,989,968
IRC 2,838,000 36,894,000
MINT 555,384,428 18,327,686,124
OSP 723,097,300 14,823,494,650
WHA 436,438,690 2,094,905,712
รวม 58,251,335,395

จากข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำไปหาข้อมูลเพิ่มเติมยังพบว่า หุ้นทุกตัวในพอร์ตของ“นิติ โอสถานุเคราะห์”จ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังของปี 2566 ดังนี้

หุ้น อัตราเงินปันผล(บ/หุ้น)
BKI 5.5
CENTEL 0.42
CPALL 0.42
CPN 1.8
HMPRO 0.22
IRC 0.4178
MINT 0.32
OSP 0.45
WHA 0.117

ขณะเดียวกันหากนำไปหุ้นในพอร์ตไปเปรียบเทียบการถือครองในครั้งก่อน ซึ่งพบว่า มีหุ้น 5 บริษัทในพอร์ตลงทุนที่ปิดสมุดทะเบียนโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเดือนมีนาคม 2567 ยังพบว่า “นิติ โอสถานุเคราะห์”ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นMINT ซึ่งหากย้อนหลังไปตั้งแต่ถือครองหุ้นในปี 2545 ในสัดส่วนจำนวน 11,941,100 หุ้น คิดเป็น 8.79% ล่าสุด ณ มีนาคม 2567 ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 555,384,428 หุ้นคิดเป็น 9.80% และเป็นการถือครองสูงสุดตั้งแต่ถือครองหุ้นดังกล่าว  

หุ้น จำนวน มี.ค. 67(หุ้น) จำนวนก่อนหน้า(หุ้น)
BKI 2,224,362 2,224,362
CPALL 138,986,600 138,986,600
IRC 2,838,000 2,838,000
MINT 555,384,428 537,090,652
WHA 436,438,690 436,438,690