Smart Investment

"นเรศ งามอภิชน" โผล่ถือหุ้น NOBLE รอบ 2 ปี


14 กุมภาพันธ์ 2567
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ยังคงผันผวนต่อเนื่อง  ดัชนียังไม่สามารถปรับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้ง่ายนัก ขณะที่บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,380-1,395 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบหลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือนมกราคม ที่ออกมาสูงกว่าคาด โดย Headline +0.3% m-m, +3.1% y-y ส่วน Core +0.4% m-m, +3.9% y-y ซึ่งเกิดจากภาคบริการเป็นหลักโดยเฉพาะค่าเช่า ส่งผลให้ Bond Yield 10 พุ่งขึ้นแตะ 4.33% สูงสุดนับตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 23 ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าแรง กดดันสกุลเงินเอเชีย นอกจากนี้ตลาดยังทำให้ตลาดเริ่มไม่มั่นใจต่อช่วงเวลาในการลดดอกเบี้ยของ FED แต่ค่อนข้างแน่ว่าจะไม่เกิดขึ้นในการประชุมเดือนมีนาคม

smart investment นเรศ งามอภิชน ดอดซื้อหุ้น NOBLE เข้าพอร์.jpg

ด้านปัจจัยในประเทศจะมีการประชุมบอร์ดเงินดิจิทัล ขณะที่สภาพัฒน์ฯจะประกาศตัวเลข GDP 4Q23 วันจันทร์หน้า ส่วนการประกาศผลประกอบการ 4Q23 บจ.เริ่มหนาแน่นขึ้น แต่ภาพรวมยังดูไม่สดใสนัก ซึ่งต้องติดตามการปรับประมาณการกำไรบจ.ปี 2024 ว่าจะขยับลงมากน้อยเพียงใด ระยะสั้นเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่คาดประกาศกำไรแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เรายังเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ Bottom ในปี 2023 แล้วก่อนทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมถึงงบประมาณปี 2024 ที่คาดว่าจะผ่านใน 2Q24 เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360 จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว

ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในส่วนของการลงทุนของ "นเรศ งามอภิชน " นักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนในหุ้นจำนวน 7 บริษัท ประกอบด้วย

หุ้น จำนวน (หุ้น) %ถือหุ้น
AJ  8,600,000   1.95
BAM 28,000,000 0.87
NOBLE  17,000,000  1.24
PORT 11,000,000  1.81
ROCTEC 853,000,000  10.51
TPIPL  864,000,000  4.56
TPIPP  45,000,000 0.54

เมื่อพิจารณาการถือหุ้นของ"นเรศ งามอภิชน" โดยนำมาเปรียบเทียบกับการถือหุ้นในครั้งล่าสุดพบว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นNOBLE จำนวน 17,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.24% จากเดิมไม่ปรากฎการถือครองหุ้น รวมทั้งยังพบว่า หากย้อนไปในช่วง 2 ปีก่อน บุคคลดังกล่าวในปี 2564ได้เคยถือหุ้น NOBLE จำนวน 54,000,000 หุ้นคิดเป็น 3.94% ดังนั้นสะท้อนให้เห็นว่า "นเรศ งามอภิชน "ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าวอีกครั้งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น NOBLE ล่าสุด ประกอบด้วย

หุ้น จำนวน (หุ้น) %ถือหุ้น
นาย ธงชัย บุศราพันธ์ 275,166,021 20.09
RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED 266,522,177 19.46
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 118,200,000   8.63
DBS BANK LTD. AC DBS NOMINEES-PB CLIENTS  31,644,600 2.31
THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED 22,255,977 1.63
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  19,253,494 1.41
นาย นเรศ งามอภิชน    17,000,000  1.24
นาย กิตติณัฐ ทีคะวรรณ     10,950,700  0.8
Mr. SUPOL WATTANAVEKIN  10,679,300 0.78
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  8,765,300 0.64

ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ระบุว่าใน ปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000 ล้านบาท และ ยอดขาย (Pre-sale) ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท รวมถึงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,310 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,710 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,600 ล้านบาท โดยปัจจุบัน มีสินค้าที่พร้อมอยู่ และ อยู่ระหว่างก่อสร้างในมือมูลค่ารวมกว่า 34,400 ล้านบาท

บริษัทวางงบจัดซื้อที่ดินปีนี้ 3,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินเพิ่ม 3 แปลง ประกอบด้วย 1. ที่ดินบนทำเล พระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท 2. ที่ดินทำเลย่านประชาชื่น เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และ 3.ที่ดินบนทำเลบางนา-ตราด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และ สหพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยการขยายสู่ธุรกิจบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า รวมถึงธุรกิจการบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการภายใต้บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด และมีแผนนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใน 3 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติปันผลระหว่างกาลของผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนของไตรมาส 3/66 จำนวน 0.20 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 51.2% โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 มกราคม 2567  และ จ่ายเงินปันผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 

เมื่อนำมาคำนวณเงินปันผลระหว่างกาลจะพบว่า "นเรศ งามอภิชน” จะได้รับเงินปันผลจากการเข้ามาถือหุ้นในครั้งนี้ประมาณ 3,400,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ละรายจะได้รับเงินปันผลดังนี้ 

ผู้ถือหุ้น มูลค่าเงินปันผล (บ.)
นาย ธงชัย บุศราพันธ์  55,033,204
RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED  53,304,435
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 23,640,000
THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED  4,451,195
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 3,850,699
นาย นเรศ งามอภิชน 3,400,000
นาย กิตติณัฐ ทีคะวรรณ  2,190,140
Mr. SUPOL WATTANAVEKIN  2,135,860
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (2) โดยบลจ.บางกอกแคปปิตอล จก.  156,087,514
รวม 1,753,060