จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ครม.หนุนใช้รถ EV 3.5 ดันผลงาน CWT สดใส


25 ธันวาคม 2566
รัฐบาลกระตุ้นยอดขายรถ EV  ส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ผลิตจากหนังสัตว์ เช่น เบาะรถยนต์ที่จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น   หนุนผลงาน CWT โตยั่งยืน

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV 3.5) ในช่วงเวลา 4 ปี (67-70) โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.67 เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และผลักดันไทยก้าวสู่การเป็นฐานผลิตชั้นนำของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค

รายงานพิเศษ CWT.jpg

โดยมาตรการ EV 3.5 จะครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยสิทธิประโยชน์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เงินอุดหนุน การลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูป และการลดอัตราภาษีสรรพสามิต โดยเงินอุดหนุนจะเป็นไปตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ ดังนี้
          
- กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ในปีที่ 1 จะได้รับเงินอุดหนุน 100,000  บาท/คัน  ปีที่ 2 จะได้รับเงินอุดหนุน 75,000 บาท/คัน และในปีที่ 3/4 จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000 บาท/คัน 
          
สำหรับรถที่มีขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh ในปีที่ 1 จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000 บาท/คัน ในปีที่ 2 จะได้รับเงินอุดหนุน 35,000 บาท/คัน และในปีที่ 3-4 จะได้รับเงินอุดหนุน 25,000 บาท/คัน          
         
- กรณีรถกระบะไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาท/คัน ตลอดระยะเวลา 4 ปี เฉพาะส่วนที่ผลิตในประเทศ
- กรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 10,000  บาท/คัน ตลอดระยะเวลา 4 ปี เฉพาะส่วนที่ผลิตในประเทศ
          
ภายใต้มาตรการ EV 3.5 จะมีการลดอากรขาเข้าไม่เกิน 40% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ที่มีราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีแรก (67 - 68) และลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยได้กำหนดเงื่อนไขการลงทุนในประเทศ ให้ผู้ได้รับการสนับสนุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 ในอัตราส่วน 1 : 2 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) และจะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ในปี 70 
          
ภายใต้มาตรการ EV3.5 กรมสรรพสามิตคาดว่าจะมียานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนตลอดระยะเวลา 4 ปี จำนวนประมาณ 830,000 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 454,000 คัน รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 346,000 คัน และรถกระบะไฟฟ้า 30,000 คัน  โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณจำนวน 34,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 4 ปี
          
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้กรมสรรพสามิตขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV 3 จากเดิมที่ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธ.ค.66 ให้ขยายเวลาเป็นต้องจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธ.ค.66 และต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ม.ค.67 เพื่อให้ผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงปลายปี 66 สามารถยื่นจดทะเบียนได้ทันภายในเดือนม.ค.67

มาตรการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทุกกลุ่ม ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ยังส่งผลดีกระตุ้นธรุกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะธุรกิจของ บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) ซึ่งประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ ได้แก่  กลุ่มผลิตภัณฑ์หนัง ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์  ซึ่งมี  4 ประเภท ได้แก่
1) ผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ฟอก 
2) ผลิตภัณฑ์ของเล่นสัตว์เลี้ยง 
3) ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์หนัง 
4) ผลิตภัณฑ์เบาะหนังและชิ้นส่วนหนังสำหรับรถยนต์ เช่น Toyota Honda Nissan Isuzu Mazda Mitsubishi และ Chevrolet   ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของไทย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นจำนวนมาก 
CWT