จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : WFX ลุยตลาด “เอเชีย-ยุโรป-อเมริกาใต้” ดันผลงานปี 65 โต 10-15%


16 ธันวาคม 2565

บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) พร้อมเดินหน้าขายไฟ หลังผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) หนุนเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2567

คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ. พาณิชย์) ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เพื่อเตรียมการส่งออกปีหน้า รองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว

ที่ประชุมมีข้อสรุปเบื้องต้น คือ ตั้งเป้าบุกตลาดที่มีศักยภาพ ใน 3 ตลาดใหญ่ ประกอบด้วย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และตลาด CLMV โดย 3 ตลาดใหญ่ในปี 65 คาดมียอดการส่งออกรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และปี 66 จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท ซึ่งได้แก่

  1. ตลาดตะวันออกกลาง มุ่ง 3 ตลาดใหญ่ซาอุดิอาระเบีย ยูเออี และกาตาร์
  2. ตลาดเอเชียใต้ เน้นประเทศสำคัญ 3 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศและเนปาล
  3. ตลาด CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม

ทิศทางการบุกตลาดของกระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนการทำตลาดของ บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) ที่ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งและเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคน โดยสินค้าเส้นด้ายยางยืดจะนำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปประเภทต่างๆ ได้แก่ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ถุงเท้า ชุดชั้นใน อุปกรณ์ทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น และสินค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ

ซึ่ง “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” กรรมการผู้จัดการ ย้ำว่าบริษัทยังเดินหน้าบุกตลาดกลุ่มใหม่ๆ นอกเหนือจากประเทศจีน เช่น ประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย บังคลาเทศ ประเทศในแถบยุโรป ได้แก่ รัสเซีย ตุรเคีย อุซเบกิสถาน ประเทศในแถบอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล เม็กซิโก โคลอมเบีย เปรู และยังมีแผนที่จะเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศแอฟริกา เพื่อกระตุ้นยอดขายและรายได้ปีนี้

โดยยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี ปกติจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัท เนื่องจากเสื้อผ้าจะเปลี่ยนรูปแบบเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้มีออเดอร์ล่วงหน้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.65 อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท หนุนผลงานปี2565 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15 % จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมียอดขายแล้ว 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น9.14% เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,583.52 ล้านบาท

ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยในเฟสแรกที่เสร็จสมบูรณ์เป็นไปตามแผน ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้เสร็จภายในปี 66 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟส อยู่ที่ประมาณ 20-30% จากปัจจุบันอยู่ 36,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก