จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PCC เดินหน้าธุรกิจปี 66 จับมือพันธมิตรรองรับ “ไฟฟ้าอัจฉริยะ”


13 กุมภาพันธ์ 2566
โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่  สนับสนุนนโยบาย Thailand 4.0  กระตุ้นผลงาน บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) วางเป้ารายได้ปีนี้โต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน

รายงานพิเศษ PCC.jpg
โครงการ Smart Grid ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.เป็นต้นแบบการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต และมีบทบาทช่วยยกระดับชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น  ซึ่งกฟภ.ได้เริ่มนำร่องโครงการกันไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ตั้งแต่การเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน, การเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าใหม่เป็นแบบ Smart Meter, พัฒนา PEA CONNECT แอพพลิเคชั่นเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมภายในบ้าน และ PEA VOLTA สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

สมาร์ทกริด ถือเป็นหนึ่งในโครงการของทาง กฟภ. ที่ขานรับต่อนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 โดยได้เริ่มกำหนดแนวทางการบริหารและพัฒนาภายใต้นโยบาย PEA 4.0 เน้นเรื่องการสร้างระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งพัฒนาระบบ ICT เพื่อสร้างเป็นระบบ Smart Grid เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่

อีกหนึ่งอุปกรณ์ของ กฟภ. ที่น่าสนใจได้แก่ Smart Meter “สมาร์ทมิเตอร์” หรือ มาตรวัดพลังงานไฟฟ้าแบบอิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งจะทำให้ศูนย์ควบคุมของการไฟฟ้าสามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของมิเตอร์แต่ละบ้านได้ทันทีแบบออนไลน์  ระบบ Smart Meter ยังช่วยให้ กฟภ. สามารถควบคุมแลตรวจสอบปัญหาของอุปกรณ์ได้ออนไลน์ หากเกิดมีปัญหาไฟดับ กระแสไฟฟ้าขัดข้อง ศูนย์ก็จะได้รับทราบและทำการแก้ไขได้ทันที

จึงเป็นระบบที่มีประโยชน์ทั้งด้านการทำงานของ กฟภ. ที่สามารถรู้สถานะของระบบไฟฟ้าได้ตลอดเวลา ส่วนผู้ใช้ตามบ้าน ก็สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในบ้านตัวเองได้อย่างถูกต้อง เพื่อช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
การพัฒนาโครงการสมาร์ทกริดและสมาร์ทมิเตอร์ หนุนผลงานปีนี้ของบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) ที่มีบริษัทลูกประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ  ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า 2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 3) ธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  PCC “กิตติ  สัมฤทธิ์” ระบุบริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 50% ภายใน 3 ปี (66-68) ตามการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด  ทำให้มีการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า (PEM) ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่จะมีมากขึ้น
          
สำหรับทิศทางธุรกิจปี 66 นี้ วางเป้าหมายเติบโต 15% ตามแนวโน้มของโครงการเปลี่ยนมิเตอร์จากจานหมุนให้เป็นสมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการของ กฟภ.ที่มีแผนจะเปลี่ยนมิเตอร์จำนวน 18 ล้านเครื่องภายใน 7 ปี หรือระหว่างปี 65-71 คาดว่าปีนี้เปิดประมูลราว 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าวเพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างแข็งแกร่ง
          
ขณะที่ความคืบหน้าโรงงานผลิตหม้อแปลงและตู้ควบคุมไฟฟ้าในกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในไตรมาส 1/66 และจะสร้างรายได้ให้บริษัทปีละ 100 ล้านบาท
          
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้า 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอแมส และโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอเพาเวอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 40% และ 76% มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายที่ 18.2 เมกะวัตต์ (11.5 เมกะวัตต์คิดตามอัตราส่วนการถือหุ้น)

และล่าสุด บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PCC ที่ถือหุ้น 99.96%  ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด  เพื่อการออกแบบและพัฒนาระบบไฟฟ้าภายในประเทศ

โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นผนึกความแข็งแกร่งทั้งสองกลุ่มบริษัท โดยบ.พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค มีความชำนาญด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจร ขณะที่บ.หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) เป็นผู้นำระดับโลก ที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานของระบบสื่อสาร ส่งผลให้ทั้งสองกลุ่มบริษัทเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้า สอดคล้องกับแผนการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย
PCC