จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : SUPER วางเป้าผู้นำพลังงานทดแทนในอาเซียน มั่นใจรายได้ปี 65 แตะ 10,000 ล้านบาท


23 ธันวาคม 2565

มุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานทดแทนให้เป็นพลังงานหลักของโลก จะมีแนวทางอย่างไรและมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ไปติดตามการสัมภาษณ์พิเศษนี้กับ “จอมทรัพย์ โลจายะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER)

ธุรกิจของSUPER

เราเป็นธุรกิจสัมปทาน โดยมีธุรกิจหลัก

1.เป็นการขายไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมและไฟฟ้าจากขยะ

2.ธุรกิจรับกำจัดขยะ เพราะมีโรงผลิตไฟฟ้าจากขยะ

3.ธุรกิจขายน้ำให้การประปาส่วนภูมิภาคหรือนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อีสต์วอเตอร์ อมตะ หรือนิคมต่างๆ

4.ธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลเทคโนโลยี ซึ่งมีสัดส่วนไม่มาก ส่วนรายได้ ประมาณ 95% มาจากการขายไฟฟ้า

เป้าหมายรายได้ปีนี้

วางไว้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ใกล้เคียงแล้ว และปลายปีจะมี COD พลังงานแสงอาทิตย์ที่สระแก้ว กำลังติดตั้ง 50 MW สัญญาซื้อขายไฟ 16 MW คือ Solar Hybrid มี COD โรงไฟฟ้าขยะอีก 8 MW ที่หนองคาย มี COD อีก 15 MW ของ Private PPA ที่ขายไฟฟ้าให้มหาวิทยาลัยมหิดล ตรงส่วนนี้น่าจะทำให้เราได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปลายปีจะมี COD ประมาณ 75 MW

แผนในอนาคต

เราวางเป้า 3 ปี ข้างหน้า เราน่าจะเติบโตปีละ 300-500 MW ตั้งแต่ปี 66-68 โดยมีเป้าหมายรายได้ ปี 2566 อยู่ที่13,000 ล้านบาท ปี 2567 อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โดย IRR ของพลังงานแสงอาทิตย์มองไว้ที่ 13-15% พลังงานลมมากกว่า 18%

เรื่องธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์พร้อมแบตเตอรี่

เป็น Leading Technology เราเป็นรายแรก ที่ทำพลังงานแสงอาทิตย์ บวกไบโอแก๊ส บวกแบตเตอรี่ 136 MW ตรงส่วนนี้จะเป็นแบตเตอรี่ Power ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พอCOD ปลายปี จะทำให้เราสามารถขายไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ได้ 7 วัน 24 ชั่วโมง ทำให้พลังงานทดแทน สามารถเป็นพลังงานหลักได้ ทำให้มีโอกาสหลายอย่างเข้ามา เพราะทุกวันนี้คนต้องการพลังงานสะอาดแต่ไม่มั่นใจในเรื่องของความมั่นคงว่าจะสามารถทำให้มีเสถียรภาพในการขายได้ตลอดเวลา

มุมมองเกี่ยวกับเทรนด์พลังงานสะอาด

เรากำลังมีปัญหาภาวะโลกร้อน ฝนตกผิดฤดู แล้งรุนแรง และน้ำท่วม ซึ่งภาวะโลกร้อนมีจริง วันนี้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงไม่ว่าจะเป็นถ่านหินหรือแก๊ส และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 7 วัน 24 ชม. เพราะเรามีแบตเตอรี่เข้ามาช่วยเสริม ดังนั้นพลังงานทดแทนทุกอย่างจะสามารถเป็นพลังงานหลักได้

ตรงนี้เทรนด์มาแล้ว โดยเฉพาะสงครามรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาแก๊สและน้ำมันสูงขึ้นมาก กระทบค่าไฟฟ้าและประชาชน ด้านพลังงานสะอาดสามารถคงต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนได้ ซึ่งทุกวันนี้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมันถูกกว่าการผลิตจากแก๊ส จึงเป็นโอกาสมาก รัฐบาลจึงสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการทุกคนที่ทำพลังงานทดแทน ซึ่งSUPER ก็เป็นหนึ่งในรายใหญ่ที่จะเข้าไปมีโอกาสลงทุน

การร่วมมือกับกฟภ.บทบาทของSUPER

เป็นการซื้อขายไฟฟ้าในด้านของพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ และเป็นการนำ IREC และคาร์บอนเครดิตที่SUPER มีอยู่ มาขายให้ผู้ประกอบการหรือลูกค้าของกฟภ.ที่มีความต้องการ เนื่องจากลูกค้าของกฟภ.ส่วนใหญ่เป็นผู้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายควบคุมทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป หรือมีCarbon Tax

ซึ่ง SUPER ในฐานะที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดจะมีใบรับรองที่เรียกว่า IREC เลยจับมือกับกฟภ.เมื่อนำเสนอใบรับรองนี้ให้ลูกค้าของกฟภ.

IRECหรือCarbon Credit ในอนาคตมีความสำคัญต่อบริษัทมากน้อยแค่ไหน

คิดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า กำไรจากการซื้อขาย Carbon Credit ซึ่งบริษัทไม่ได้มีต้นทุนตรงส่วนนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ได้จากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เราคิดว่าใน2-3 ปี ข้างหน้า จะมีกำไรเข้ามาประมาณ 300 ล้านบาทต่อปีของกำไรบริษัท

ระยะยาวภาพรวมคาร์บอนเครดิตจะสำคัญแค่ไหน

สำคัญมาก เพราะนายกรัฐมนตรีได้ เซ็นสัญญาที่จะลดการปล่อยคาร์บอนลงในปี 2026 และประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกเป็นหลัก ทำให้ผู้ส่งออกถูกกฎหมายจากต่างประเทศควบคุม จึงทำให้IREC มีความสำคัญมาก ซึ่งSUPER กำลังทำแพลตฟอร์ม เพื่อให้ในอนาคตผู้ประกอบการสามารถเค้ามาซื้อหรือขาย คาร์บอนเครดิตได้

ราคาที่ซื้อขายคาร์บอนเครดิตเป็นอย่างไร

ในต่างประเทศเค้ามีตลาดที่ซื้อขาย ราคาปีที่แล้วปรับขึ้น 70% แต่ในด้านของประเทศไทย ตลาดยังไม่ชัดเจน เพราะพึ่งเริ่มต้น แต่เชื่อว่าในอนาคตราคาในประเทศจะไปในทิศทางเดียวกับต่างประเทศ

เป้าหมายของ SUPER ในอนาคตอย่างไร

เราวางเป้าหมายเป็นผู้นำในอาเซียน ประเทศที่ติดต่อเข้ามาก็มีประเทศ สปป.ลาว ซึ่งอาจะเป็นการขายไฟเข้ามาในประเทศไทยก็ได้ หรือขายออกไปที่เวียดนามหรือกัมพูชา และก็มองประเทศกัมพูชา เพราะไฟฟ้าในประเทศยังมีความต้องการมากและค่อนข้างแพง และมองฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ถ้ามีโอกาสจะเข้าไปลงทุน แต่ปัจจุบันประเทศไทยและเวียดนามจะเป็น Hot Spot ในปีนี้และปีหน้า