เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 08-09-23
08-09-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***เรื่องราวของ “Digital Wallet” ภายใต้พรรคเพื่อไทย สนับสนุนเงินดิจิทัลแก่ประชาชน 10,000 บาทต่อคน รวมจำนวน 54.5 ล้านคน เม็ดเงินจะใช้เงินราว 5.45 แสนล้านบาท หรือ 3% ของ GDP ปีนี้ที่ 18.17 ล้านล้านบาท มาตรการคาดเริ่มได้เดือน ก.พ. 2567 กูรูหุ้นบอกว่าหากรัฐก่อหนี้มายังสามารถทำได้โดย Public Debt ต่อ GDP ณ. เดือน ก.ค. อยู่ที่ 61.7% ของ GDP จะเพิ่มสู่ระดับไม่เกิน 65% ไม่เกินเพดานตามกรอบวินัยการเงินการคลังที่ 70%
**ประเทศพัฒนาที่เคยใช้นโยบายกระตุ้นบริโภค อาทิ สหรัฐกระตุ้น เศรษฐกิจสำเร็จมาแล้ว อิงจากช่วง COVID-19 มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนอเมริกันโดยตรง 1,400 $ต่อคน วงเงินรวม 4 แสนล้าน เหรียญ$ หรือ 1.9%GDP หนุนภาคการบริโภคที่ไตรมาส 2/63 -8.9%y-y และ หนุนให้ช่วงไตรมาส 3-4/63 หดตัวลดลงเหลือเพียง -0.65%y-y และ 0.23%y-y ตามลำดับ ประเมินมาตรการ Digital Wallet มีโอกาสสร้างวงจรดังกล่าวต่อไทยเช่นกัน
***แบงก์ชาติประเมินว่ามาตรการนี้จะบวกต่อ GDP ได้ราว 3% จากคาดการณ์ GDP ปี 2567 ของไทยปัจจุบันที่ราว 3.6% ขึ้นมาเป็น 6.6% และสูงเป็น ลำดับต้นของโลก และเป็นฐานที่ดีในการต่อยอดขับเคลื่อน GDP ไทย เติบโตปีละ 5% ขึ้นไปคาดจะสร้างความเชื่อมั่น Fund Flow ต่างชาติที่ ลดการลงทุนใน SET ไปมากกลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทยอีกครั้ง
***กูรูแนะนำกลยุทธ์ลงทุน โดยระบุประเมินหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มค้าปลีกอิงฐานราก เน้น CPAXT, CPALL, DOHOME, GLOBAL, TNP กลุ่มเช่าซื้อ JMT, MTC (Trading) กลุ่มดิจิทัล เน้น BE8, ADVANC
***อีกเรื่องที่อยู่ในความสนใจจากนโยบายของรัฐบาล "เศรษฐา 1" คือเรื่องของพลังงาน เริ่มจาก
-นโยบายด้านค่าไฟฟ้า มีแนวทางที่จะปรับค่า ft เดือน ก.ย. - ธ.ค. นี้ ลงมาอีก 20-25 สตางค์/ หน่วย จากเดิมที่ กกพ. ปรับลดมาแล้ว 25 สตางค์/หน่วย (ประกาศใช้แล้ว) โดยจะอาศัยการขยายเวลาชำระหนี้คืน EGAT ออกไป
-นโยบายราคาดีเซล มีแนวทางที่จะปรับลดราคาดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันที่ 31.94 บาท/ลิตร โดยจะใช้แนวทางลดภาษีสรรพสามิตดีเซล เป็นการชั่วคราว (ยังไม่มีรายละเอียดกำหนดเวลา)
-นโยบายเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป มีหลักการต้องการให้ผู้ประกอบการอื่น เช่น โรงไฟฟ้า หรือโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกเหนือจากผู้ประกอบการปิโตรเคมี และผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 สามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้ เพื่อลดราคาน้ำมันในประเทศ “อย่างไรก็ตามการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอาจมีต้นทุนสูงกว่าการนำเข้าน้ำมันดิบมาเพื่อกลั่นในประเทศ เนื่องจากมีภาษี ต้นทุนค่าขนส่ง และค่าประกันต่างๆ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมา พิจารณาถึงกฏเกณฑ์ ข้อเท็จจริงก่อน หากมีแนวทางที่ชัดเจน กระทรวงพลังงานก็พร้อมจะปฏิบัติตามนโยบายที่กำหนดออกมา”
***สำหรับประเด็นร้อนๆ อันนี้เซียนหุ้นมองช่วงราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC และ BGRIM ที่มีแรงกดดัน จากแนวโน้มลดค่า ft ก.ย. - ธ.ค. ปีนี้เพิ่มเติมจะเป็นโอกาสซื้อ แนวทางการปรับลดค่า ft ในช่วง ก.ย. - ธ.ค. ในปีนี้อีก 20-25 สตางค์/หน่วยสุดท้ายจะถูกนำกลับมาคิดรวมในค่า ft ในช่วง 2567-2568 เป็นเพียงเลื่อนการรับรู้ แต่ไม่ได้หายไป และราคาหุ้นที่ปรับลงสะท้อนผลกระทบไปแล้ว
***ส่วนแนวทางลดราคาน้ำมันดีเซลผ่านการลดภาษีสรรพสามิต ช่วยลด sentiment ลบ ต่อ OR และ PTG มองกรอบนโยบายรัฐที่จะปรับลดราคา ดีเซลเป็น 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันที่ 31.94 บาท/ลิตร ผ่านขั้นแรกคือลดภาษีสรรพสามิตจะไม่ได้กระทบต่อค่าการตลาดของเอกชนอย่าง OR และ PTG อย่างไรก็ตามระยะสั้นมองหุ้นกลุ่มสถานีบริการยังมี overhang จากความกังวล worst case ที่สุดท้ายภาครัฐจะกลับมาคุมค่าการตลาดดีเซล
*** จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสซื้อกลุ่มโรงกลั่นในช่วงที่มี sentiment ลบ จากกังวลนโยบายการเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปของรัฐ มองผู้ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปหลักๆจากโรงกลั่น อย่างสถานีบริการน้ำมัน/ผู้ค้ามาตรา 7 (85-91% ของ ปริมาณขาย TOP/BCP/SPRC) สามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้เองอยู่แล้ว ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของการแข่งขัน ทั้งนี้มองการลดศุลกากรขาเข้าน้ำมันดีเซลที่คาดปัจจุบันเก็บอยู่ราว 0.50 บาท/ลิตร ไม่พอชดเชยต้นทุน ที่เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าอย่าง ค่าประกัน, ค่าคลัง และ ค่า freight
***โดยสรุปกูรูหุ้นยังคงมุมมอง Neutral ต่อกลุ่มพลังงานฯ เลือก BCP เป็น Top Picks และคงน้ำหนัก Bullish สำหรับกลุ่มโรงฟ้า เพราะมองแรงกดดันจากนโยบาย การเมืองผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว เลือก top pick เป็น GULF ที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3-4 ปีนี้ เติบโต q-q ต่อเนื่อง, มีกำลังการผลิตใหม่หนุนต่อเนื่องใน 2466-2568 และแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานผันผวนน้อย ส่วน BGRIM คาดเป็น หนึ่งในผู้ได้ประโยชน์การฟื้นของ GPM การขายไฟ IU เด่น
08-09-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***เรื่องราวของ “Digital Wallet” ภายใต้พรรคเพื่อไทย สนับสนุนเงินดิจิทัลแก่ประชาชน 10,000 บาทต่อคน รวมจำนวน 54.5 ล้านคน เม็ดเงินจะใช้เงินราว 5.45 แสนล้านบาท หรือ 3% ของ GDP ปีนี้ที่ 18.17 ล้านล้านบาท มาตรการคาดเริ่มได้เดือน ก.พ. 2567 กูรูหุ้นบอกว่าหากรัฐก่อหนี้มายังสามารถทำได้โดย Public Debt ต่อ GDP ณ. เดือน ก.ค. อยู่ที่ 61.7% ของ GDP จะเพิ่มสู่ระดับไม่เกิน 65% ไม่เกินเพดานตามกรอบวินัยการเงินการคลังที่ 70%
**ประเทศพัฒนาที่เคยใช้นโยบายกระตุ้นบริโภค อาทิ สหรัฐกระตุ้น เศรษฐกิจสำเร็จมาแล้ว อิงจากช่วง COVID-19 มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนอเมริกันโดยตรง 1,400 $ต่อคน วงเงินรวม 4 แสนล้าน เหรียญ$ หรือ 1.9%GDP หนุนภาคการบริโภคที่ไตรมาส 2/63 -8.9%y-y และ หนุนให้ช่วงไตรมาส 3-4/63 หดตัวลดลงเหลือเพียง -0.65%y-y และ 0.23%y-y ตามลำดับ ประเมินมาตรการ Digital Wallet มีโอกาสสร้างวงจรดังกล่าวต่อไทยเช่นกัน
***แบงก์ชาติประเมินว่ามาตรการนี้จะบวกต่อ GDP ได้ราว 3% จากคาดการณ์ GDP ปี 2567 ของไทยปัจจุบันที่ราว 3.6% ขึ้นมาเป็น 6.6% และสูงเป็น ลำดับต้นของโลก และเป็นฐานที่ดีในการต่อยอดขับเคลื่อน GDP ไทย เติบโตปีละ 5% ขึ้นไปคาดจะสร้างความเชื่อมั่น Fund Flow ต่างชาติที่ ลดการลงทุนใน SET ไปมากกลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทยอีกครั้ง
***กูรูแนะนำกลยุทธ์ลงทุน โดยระบุประเมินหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มค้าปลีกอิงฐานราก เน้น CPAXT, CPALL, DOHOME, GLOBAL, TNP กลุ่มเช่าซื้อ JMT, MTC (Trading) กลุ่มดิจิทัล เน้น BE8, ADVANC
***อีกเรื่องที่อยู่ในความสนใจจากนโยบายของรัฐบาล "เศรษฐา 1" คือเรื่องของพลังงาน เริ่มจาก
-นโยบายด้านค่าไฟฟ้า มีแนวทางที่จะปรับค่า ft เดือน ก.ย. - ธ.ค. นี้ ลงมาอีก 20-25 สตางค์/ หน่วย จากเดิมที่ กกพ. ปรับลดมาแล้ว 25 สตางค์/หน่วย (ประกาศใช้แล้ว) โดยจะอาศัยการขยายเวลาชำระหนี้คืน EGAT ออกไป
-นโยบายราคาดีเซล มีแนวทางที่จะปรับลดราคาดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันที่ 31.94 บาท/ลิตร โดยจะใช้แนวทางลดภาษีสรรพสามิตดีเซล เป็นการชั่วคราว (ยังไม่มีรายละเอียดกำหนดเวลา)
-นโยบายเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป มีหลักการต้องการให้ผู้ประกอบการอื่น เช่น โรงไฟฟ้า หรือโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกเหนือจากผู้ประกอบการปิโตรเคมี และผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 สามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้ เพื่อลดราคาน้ำมันในประเทศ “อย่างไรก็ตามการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอาจมีต้นทุนสูงกว่าการนำเข้าน้ำมันดิบมาเพื่อกลั่นในประเทศ เนื่องจากมีภาษี ต้นทุนค่าขนส่ง และค่าประกันต่างๆ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมา พิจารณาถึงกฏเกณฑ์ ข้อเท็จจริงก่อน หากมีแนวทางที่ชัดเจน กระทรวงพลังงานก็พร้อมจะปฏิบัติตามนโยบายที่กำหนดออกมา”
***สำหรับประเด็นร้อนๆ อันนี้เซียนหุ้นมองช่วงราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC และ BGRIM ที่มีแรงกดดัน จากแนวโน้มลดค่า ft ก.ย. - ธ.ค. ปีนี้เพิ่มเติมจะเป็นโอกาสซื้อ แนวทางการปรับลดค่า ft ในช่วง ก.ย. - ธ.ค. ในปีนี้อีก 20-25 สตางค์/หน่วยสุดท้ายจะถูกนำกลับมาคิดรวมในค่า ft ในช่วง 2567-2568 เป็นเพียงเลื่อนการรับรู้ แต่ไม่ได้หายไป และราคาหุ้นที่ปรับลงสะท้อนผลกระทบไปแล้ว
***ส่วนแนวทางลดราคาน้ำมันดีเซลผ่านการลดภาษีสรรพสามิต ช่วยลด sentiment ลบ ต่อ OR และ PTG มองกรอบนโยบายรัฐที่จะปรับลดราคา ดีเซลเป็น 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันที่ 31.94 บาท/ลิตร ผ่านขั้นแรกคือลดภาษีสรรพสามิตจะไม่ได้กระทบต่อค่าการตลาดของเอกชนอย่าง OR และ PTG อย่างไรก็ตามระยะสั้นมองหุ้นกลุ่มสถานีบริการยังมี overhang จากความกังวล worst case ที่สุดท้ายภาครัฐจะกลับมาคุมค่าการตลาดดีเซล
*** จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสซื้อกลุ่มโรงกลั่นในช่วงที่มี sentiment ลบ จากกังวลนโยบายการเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปของรัฐ มองผู้ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปหลักๆจากโรงกลั่น อย่างสถานีบริการน้ำมัน/ผู้ค้ามาตรา 7 (85-91% ของ ปริมาณขาย TOP/BCP/SPRC) สามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้เองอยู่แล้ว ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของการแข่งขัน ทั้งนี้มองการลดศุลกากรขาเข้าน้ำมันดีเซลที่คาดปัจจุบันเก็บอยู่ราว 0.50 บาท/ลิตร ไม่พอชดเชยต้นทุน ที่เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าอย่าง ค่าประกัน, ค่าคลัง และ ค่า freight
***โดยสรุปกูรูหุ้นยังคงมุมมอง Neutral ต่อกลุ่มพลังงานฯ เลือก BCP เป็น Top Picks และคงน้ำหนัก Bullish สำหรับกลุ่มโรงฟ้า เพราะมองแรงกดดันจากนโยบาย การเมืองผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว เลือก top pick เป็น GULF ที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3-4 ปีนี้ เติบโต q-q ต่อเนื่อง, มีกำลังการผลิตใหม่หนุนต่อเนื่องใน 2466-2568 และแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานผันผวนน้อย ส่วน BGRIM คาดเป็น หนึ่งในผู้ได้ประโยชน์การฟื้นของ GPM การขายไฟ IU เด่น
ที่เกี่ยวข้อง
