จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : TEGH ลุยธุรกิจผลิตพลังงานทดแทน หนุนแนวทางลดภาวะโลกร้อน


06 กันยายน 2566
บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH)  ผลงานครึ่งหลังปี 66  รับรู้รายได้ธุรกิจพลังงานทดแทน เดินหน้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ  สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางการลดภาวะโลกร้อนและก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน

รายงานพิเศษ TEGH.jpg

กระแสการลดภาวะโลกร้อนเริ่มเข้มข้นมากขึ้น จากมาตรการที่ประเทศต่างๆ จะนำเข้ามาบังคับใช้กับผู้ผลิตสินค้าประเภทต่างๆ  โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุ สหภาพยุโรป (EU) ได้ออกประกาศเตรียมใช้มาตรการ CBAM กับ 6 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน

โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 ธันวาคม 2568 กำหนดให้ผู้ที่นำสินค้า 6 กลุ่มเข้ามาในสหภาพยุโรป จะต้องแจ้งข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านั้น และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ผู้นำเข้าจะต้องซื้อ "ใบรับรอง CBAM" ตามปริมาณการปล่อยก๊าซฯ

ซึ่ง บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH)  ได้วางแนวทางการรับมือกับภาวะโลกร้อน และการนำองค์กรก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนมาอย่างต่อเนื่อง   โดยกรรมการผู้จัดการ TEGH  “สินีนุช โกกนุทาภรณ์”  เปิดเผยว่า  แผนและกลยุทธ์ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์มากขึ้น เป็นการสร้างฐานรายได้ประจำที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income)

โดยความคืบหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 ระยะที่ 1 ทดสอบระบบแล้ว คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส3/66นี้ ทำให้มีรายได้จากโครงการนี้เข้ามาเพิ่มขึ้น

ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 ระยะที่ 2นั้น คาดว่าจะเริ่ม CODได้ในช่วงไตรมาส4/67รวม2โครงการ สามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ700 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 70,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่วนขยายนี้ มีลูกค้ารองรับเกือบทั้งหมดแล้ว  

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจาก 43 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2566 นี้ พร้อมรองรับความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากทั้งภายในและนอกกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส2/2566บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการอยู่ที่ 3,024.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.55 ล้านบาท จากผลกระทบราคาขายที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น มีผลทำให้ spread แคบลง

ส่วนแนวโน้มปริมาณขายยางแท่งในปีนี้คาดว่า เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 200,000ตัน โดยครึ่งปีแรกขายไปแล้ว 98,933ตัน โครงการขยายกำลังการผลิตต่างๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินงานมีความคืบหน้าตามแผน และบริษัทฯได้เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตต่อหน่วยให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้

นอกจากการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล โดยบริษัทฯ ได้ทำแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ์เป็นศูนย์ต่อไป โดยบูรณาการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีการบริหารจัดการด้านพลังงาน น้ำ และของเสีย รวมถึงมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการต่าง ๆ