Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 05-09-23


05 กันยายน 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 05-09-23

 05-09-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ  

***ก้าวหน้าไปอีกสเต็ปเรื่องการตั้ง ครม.ชุดใหม่ ใกล้เคียงกับข่าวที่ลือๆ กันมาก่อนหน้านี้
-พรรคเพื่อไทย รับผิดชอบ 8 กระทรวง เน้นด้านเศรษฐกิจ
-พรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบ 4 กระทรวง เน้นด้านการปกครอง การศึกษา 
-พรรคพลังประชารัฐ รับผิดชอบ 2 กระทรวง เน้นด้านเกษตร 
-พรรครวมไทยสร้างชาติ รับผิดชอบ 2 กระทรวง เน้นด้านอุตสาหกรรม พลังงาน
-พรรคชาติไทยพัฒนา / พรรคประชาชาติ รับผิดชอบ 1 กระทรวง

***เจ้ากระทรวงสำคัญๆ ที่อยากยกมาให้ดูกันค่ะ
-รมว.กระทรวงการคลัง คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อ ไทย) 
-รมว. กระทรวงพาณิชย์ คือ คุณภูมิธรรม เวชชยชัย (พรรคเพื่อไทย) 
-รมว. กระทรวง คมนาคม คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคเพื่อไทย)  
-รมว. กระทรวงท่องเที่ยวฯ คือ คุณสุ ดาวรรณ หวังศุภกิจโสภณ (พรรคเพื่อไทย) 
-รมว. กระทรวงดิจิทัล ฯ คือ คุณประเสริญ จันทรร วงทอง (พรรคเพื่อไทย) 
-รมว. กระทรวงพลังงาน คือ คุณพีระพันธุ์ เสรีรัฐวิภาค (พรรครวมไทย สร้างชาติ) 
-รมว. กระทรวงสาธารณสุข คือ คุณชลน่าน ศรีแก้ว 
-รมว. กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ คือ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า (พรรคพลังประชารัฐ) 

***กำหนดการต่อไป นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมด เข้าเฝ้าเพื่อที่จะทำการถวายสัตย์ปฎิญาณ ในวันอังคารที่ 5 กันยายน 2566 หลังจากนั้น 
- วันที่ 6 ก.ย.66 จะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ = นัดหมายเพื่อพูดคุยกันเรื่อง เตรียมการที่จะแถลงนโยบายในวันที่ทางประธานรัฐสภากำหนดมา (ยังไม่ถือ เป็นการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการ)
-วันที่ 11 ก.ย.66 รัฐบาลชุดใหม่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 
-วันที่ 12 ก.ย.66จะมีการประชุม ครม.นัดแรก อย่างเป็นทางการ 

***จุดสนใจของการประชุม ครม. นัดแรก เชื่อว่าจะเห็นน่าจะเห็นการขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ของของพรรคร่วมรัฐบาล เฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพื่อไทย แต่เบื้องต้น น่าจะเป็นมาตาการที่ไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณ เนื่องจากโครงการต่างๆ ที่หาเสียงไว้ ยังไม่ถูกบรรจุไว้ในงบประมาณปี 2566 จึงจำเป็นต้องรอการเบิกจ่ายจากงบประมาณปี 2567 (ปกติซึ่งเริ่ม 1 ต.ค.66 – 30 ก.ย.67) 

***กูรูหุ้นให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ายังต้องใช้เวลาในการจัดทำงบประมาณใหม่ ซึ่งอาจเบิกจ่ายได้ในช่วงไตรมาส 1/67 ดั้งนั้น มาตรการที่คาดหวังได้จาก การ ประชุม ครม. นัดแรก น่าจะเป็นเรื่องของแนวทางการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การลดราคาน้ำมันดีเซล และ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนการแจกเงินสวัสดิการต่างๆ ให้ประชาชนคง ต้องรอปีหน้า อาจเป็นไตรมาส 2/67 หรือ กลางปี ประเด็นดังกล่าวน่าจะสร้าง Sentiment เชิง บวกต่อ SET Index ให้กลับไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1570 จุดได้ไม่ยากนัก แต่หากคาดหวังระดับ 1600 จุดนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ต้องพึ่งพา Fund flow ต่างชาติเป็นหลัก 

***สเต็ปต่อมาคือการหาหุ้นที่ได้รับ Sentiment จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโค้งแรกของรัฐบาลใหม่ แจกแจงให้เห็นเป็นข้อๆ คือ
-นโยบาย Free Visa นักท่องเทียวจีน เริ่ม 1 ต.ค. 66 ซึ่งมาได้จังหวะช่วง Golden Week  หรือวันหยุดยาวของจีน และยังตรงกับสัปดาห์แรกของงวดไตรมาส 4/66 พอดี อีกทั้งนักท่องเที่ยวจีนยังกลับมาเที่ยวไทยไม่ถึง 50% เมื่อเทียบ กับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT CENTEL ERW หุ้นกลุ่มขนส่ง AAV BEM AOT

-นโยบายการลดพลังงาน ค่าไฟ แก๊ส น้ำมันดีเซล ถือเป็น Sentiment หนุน ช่วยต้นทุนบางธุรกิจลดลงได้ อาทิ กลุ่มค้าปลีก BJC CPALL CRC CPAXT หรือหนุนความต้องการใช้รถบรรทุกเพิ่มขึ้น ดีต่อ TIDLOR, THANI

-นโยบายพักชำระหนี้ให้เกษตรกร ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ TIDLOR MTC เป็นต้น 

***ส่วนกูรูหุ้นอีกค่ายประเมินนโยบายหลักๆ ที่รัฐบาลใหม่จะแถลง จะเน้นที่เศรษฐกิจฐานราก (บริโภค ท่องเที่ยว เกษตร) โครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล หนุนหุ้นภายใน 
-มองหุ้นน่าสนใจกลุ่มอิงรากฐาน SCB, JMT, CPAXT, DOHOME 
-กลุ่มท่องเที่ยว AOT, ERW, CENTEL 
-กลุ่มอิงการลงทุน STEC, PTT, AMATA, WHA, GULF 
-ระบบดิจิทัล BE8, ADVANC 

***ส่วนกระแสนโยบายล่าสุดที่นายกฯ แถลงแถลงความคืบหน้า เดือน ต.ค. เดินหน้านโยบายพักหนี้ เกษตรกรบวกกลุ่มจำนำทะเบียน อาทิ SAWAD, MTC และติดตามหนี้ JMT กลุ่มค้าปลีกฐาน ราก CPAXT, DOHOME, GLOBAL และ ฟรี VISA  จีน, อินเดีย ส่งผลบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม นิคม  AOT, ERW, CENTEL, AMATA, WHA