จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PTG รายได้ทำสถิติแตะแสนลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาหุ้นปรับลงมาก


16 สิงหาคม 2566
การเดินทางท่องเที่ยวฟื้นตัว กระตุ้นการใช้พลังงานโดยเฉพาะเชื้อเพลิงน้ำมัน ดันยอดขายและสร้างรายได้ให้ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ทำสถิติแตะ แสนล้านบาท สวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับลดลงมากในช่วงที่ผ่านมา บล.ทิสโก้แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 14 บาท 

รายงานพิเศษ PTG.jpg


กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 15,895,421 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 663,862 ล้านบาท  โดยนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 2,513,520 คน และนักท่องเที่ยวจีน 1,935,241 คน นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 945,217 คน นักท่องเที่ยวอินเดีย 913,479 คน และนักท่องเที่ยวรัสเซีย 869,998 คน  

จำนวนนักท่องเที่ยวและการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยและชาวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น  กระตุ้นการใช้พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันในการเดินทางเพิ่มขึ้นตามไปด้วย  สะท้อนจากผลการดำเนินงานของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG ) ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ “พิทักษ์  รัชกิจประการ”  เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566) บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการ 50,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากรายได้ธุรกิจ Oil จำนวน 47,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้ในส่วนในส่วนธุรกิจ Non-Oil จำนวน 3,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีรายได้รวม 101,738 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 19.3% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 17.2% เป็น 95,255 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท

รายได้ที่เติบโต เป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา 

ประกอบกับมีการเข้าใช้บริการของกลุ่มลูกค้าสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card สูงขึ้นอย่างเป็นสาระสำคัญ จึงส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ยังคงสร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 และทำให้ครึ่งปีแรกมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 14.3% จากปีก่อน เป็น 3,008 ล้านลิตร นับเป็นสถิติครึ่งปีแรกที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นายพิทักษ์ กล่าว

ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 63.1% จากปีก่อน เป็น 6,483 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้จำนวน 3,979 ล้านบาท เติบโต 71.2% จากปีก่อน มีปัจจัยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับน้ำมัน ที่จำนวน 305 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน

สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 70.2% จากปีก่อน จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยอยู่ที่ 703 สาขา ประกอบกับมีการกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus

ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลัง ผลจากครึ่งปีแรกที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเป็น 3,008 ล้านลิตร เติบโต 14.3% จากปีก่อน นับเป็นสถิติครึ่งปีแรกที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ บริษัทฯ จึงปรับเป้าอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางในปี 2566 ขึ้นเป็น 10-15% จากปีก่อน เป็น 6,000 ล้านลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยวางเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 มีสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 2,206 สถานีบริการ

สำหรับธุรกิจ Non-Oil วางเป้าการเติบโตของรายได้ 75-85% จากปีก่อน โดยจะเพิ่มสถานีบริการก๊าซ LPG และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง เป็น 574 สาขา และยังคงมุ่งมั่นขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยอย่างเป็นสาระสำคัญ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 1,200 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 135% จากสิ้นปีที่แล้ว

ปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มี Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil จำนวน 575 สาขา ประกอบด้วย ร้านสะดวกซื้อ Max Mart 325 สาขา ร้านกาแฟคอฟฟี เวิลด์ 24 สาขา ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs 53 สาขา จุดพักรถ Max Camp 72 จุด ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron 55 จุด และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max จำนวน 46 จุดชาร์จ

ด้านบล.ทิสโก้  ระบุว่า ราคาหุ้นปรับลดลงมามาก สะท้อนถึงผลประกอบการที่อ่อนตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น PTG ปรับตัวลดลง 25% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและ underperform ตลาด เรามองว่าได้สะท้อนถึงความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัวไปมากแล้ว ทำให้ ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PER 15 เท่าปี 2023F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของบริษัทและกลุ่ม  ดังนั้น จึงยังคงแนะนำ“ซื้อ” ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 14 บาท อิงจาก PER 20 เท่าปี 2023F ปัจจัยเสี่ยงมาจากค่าการตลาดน้ำมันที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้
PTG