Smart Investment

หุ้นใหญ่ SABUY ดักซื้อ AIT เพิ่ม ก่อนเปิดประชุม EGM ตามมาตรา100


19 กรกฎาคม 2566

by.พูเมซ่า

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม 2566 ดัชนีหุ้นเริ่มทยอยฟื้นตัวหลังสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่ชัดเจนในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทั้งนี้ บล.บัวหลวงประเมินว่า ยังให้เหตุผลหลักในการ Buy on Dips ด้วย Valuation ของราคาหุ้นที่ถูก โดยมองข้ามปัจจัยมหภาคที่นักลงทุนส่วนใหญ่ กำลังให้น้ำหนักในระยะสั้น เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ในการประชุม 25-26 กค.นี้, การจัดตั้งรัฐบาลไทย โหวตเลือกนายกรอบสอง ตลอดจนความวิตกกังวลการชุมนุมในประเทศ

smart invest กางพอร์ต ชูเกียรติ รุจนพรพจี มูลค่า 4.2 .jpg

นอกจากนี้ งบการเงินที่จะทยอยประกาศ เราเล็งเห็นระดับราคาหุ้น ณ.ปัจจุบัน หลายตัว ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล พบว่ามีผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลที่สูงขึ้นจาก 1) แนวโน้มกำไรครึ่งปีแรกที่กลับมาฟื้นตัวจากการเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเต็มรูปแบบ 2) ราคาหุ้นที่ลงแรงหลายตัวขึ้นมาน้อย จึงยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง และเป็นกันชนสำคัญ ช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านล่างของราคาหุ้น

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงยืนยันเหมือนเดิม แนะซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว หุ้นบูลชิพใหญ่ หุ้นพื้นฐาน หุ้นคุณค่าราคาย่อมเยาไว้ คาดเหลือความเสี่ยงด้านล่างอีกไม่มาก

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนการลงทุนของ "ชูเกียรติ รุจนพรพจี" ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือSABUY ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยถือครองหุ้นจำนวน 3 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท  ดังนี้

 

หุ้น

จำนวน(หุ้น)

%การถือครอง 

AIT

37,350,000

2.61

SABUY

445,721,045

25.53

THREL

67,790,000

11.3

จากข้อมูลดังกล่าว หากนำมาเปรียบเทียบกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งก่อนของทั้ง 3 บริษัทยังพบว่า "ชูเกียรติ รุจนพรพจี"ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น 2 แห่ง ประกอบด้วย หุ้นAIT ล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2566 ถือครองหุ้น 37,350,000 หุ้นคิดเป็น2.61% เพิ่มขึ้นจากการปิดสมุดทะเบียนในครั้งก่อนถือหุ้นจำนวน 36,550,000 หุ้น คิดเป็น 2.55%

รวมทั้งได้เพิ่มการถือครองหุ้นTHREL ล่าสุดถือครองจำนวน  67,790,000 หุ้น คิดเป็น 11.3 %ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จากเดิมถือครองจำนวน 45,300,000 หุ้น คิดเป็น 7.55%

สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ถือครองหุ้นAIT เพิ่มขึ้นน่าจะเกิดจากการที่บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)SABUY ซึ่งถือหุ้นAIT จำนวน 237,600,000 หุ้น หรือคิดเป็น 16.60% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ รวมทั้งบริษัท ที. เค. เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)TKS ซึ่งถือหุ้น AIT จำนวน 48,168,900 หุ้น หรือคิดเป็น3.37% และ นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ซึ่งถือหุ้นAIT จำนวน 36,550,000 หุ้น หรือคิดเป็น2.55% (ผู้ถือหุ้นทั้ง 3 รายข้างต้นถือหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 22.52% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด) โดยส่งหนังสือดังกล่าวถึง นายธนา ไชยประสิทธิ์ในฐานะประธานกรรมการบริษัทฯAIT เพื่อขอให้คณะกรรมการบริษัทฯ เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่1/2566 ของบริษัทฯ ตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจ ากัด พ.ศ. 2535 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทAIT ได้มีมติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 ในวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2566 เวลา 15.30 น

อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามว่า การประชุมEGM ของAIT ในครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และจะมีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่มีสัดส่วนการถือหุ้นในสัดส่วนใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม

 

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นAIT ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ประกอบด้วย

รายชื่อ

จำนวน(หุ้น)

%การถือครอง

สบาย เทคโนโลยี

237,600,000

16.6

ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์

53,766,125

3.76

ศศิเนตร พหลโยธิน

51,720,862

3.61

กิตติศักดิ์ สพโชคชัย

51,559,942

3.6

ที.เค.เอส. เทคโนโลยี

48,168,900

3.37

โชดิวัต ดั่นธนสาร

45,000,000

3.14

สุรพร รักตประจิต

40,919,137

2.86

ชูเกียรติ รุจนพรพจี

37,350,000

2.61

ศิณะ อุ่นทรพันธุ์

34,007,200

2.38

ศิณานางค์ อุ่นทรพันธุ์

33,513,540

2.34