Smart Investment

หุ้นรพ.ไซส์เล็กน่าคบ PHG ผงาด! หลังเข้า SET


23 มิถุนายน 2566
Mr.Data

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aged Society) ประชาชนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น หลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

หุ้นรพ.ไซส์เล็กติดปีก.jpg

และจากผลสำรวจ 10 ธุรกิจ “ดาวรุ่ง-ดาวร่วง” ปี 2566 ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ได้สำรวจผู้ประกอบการรายสาขา, ผลสำรวจสถานภาพธุรกิจไทย และผลสำรวจปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า “ธุรกิจการแพทย์และความงาม เป็นธุรกิจดาวรุ่ง” อันดับ 1 ของปี 2566

เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลตั้งแต่ปี 2565 หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศ ถือเป็นแรงหนุนที่สำคัญ ทำให้ต่างชาติกลับเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในประเทศไทย 

และอีกประเด็นที่เป็นแรงหนุนสำคัญนั่นคือ การที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้มีการเซ็น MOU การให้บริการทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตน ในระบบประกันสังคมในการรักษา 5 โรคหลัก ได้แกร่ โรคมะเร็งเต้านม, ก้อนเนื้อที่มดลูก, โรคนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจและหลอดเลือด

ภายใต้ MoU ดังกล่าว โรงพยาบาล ที่เข้าระบบประกันสังคม จะได้รับบริการ 15,000 บาท/RW เพิ่มขึ้น 25% จากอัตราปัจจุบันที่ 12,000 บาท/RW

บทวิเคราะห์จาก บล.กรุงศรี แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) (CHG) ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อข้อมูลจากาการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากมองว่ากำไรปีนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66 

นอกจากนี้ ยังประเมินว่ากำไรในครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งมาจากการเติบโตของกลุ่มประกันสังคม ประกอบกับปัจจัยบวกฤดูกาลของการใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเปิดโรงพยาบาลใหม่ และศูนย์การแพทย์จะมีรายได้เข้ามาเต็มในครึ่งปีหลัง 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย หุ้น บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) (LPH) ที่ 5.40 บาท โดยคาดว่าผลการดําเนินงานใน 2Q66F จะดีขึ้น QoQ และจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้นใน 2H66F 

“เราคาดว่าผลการดําเนินงานของ LPH ใน 1H66 จะแผ่วลง YoY เพราะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 น้อยลง และรัฐบาลจ่ายค่ารักษาผู้ป่วย COVID-19 ลดลงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 

นอกจากนี้ เรายังคาดว่าผลการดําเนินงานของLPHในปี 2566F จะลดลง YoYด้วย อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ารายได้และกําไรน่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2H66 หลังจากที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อผ่านช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 YoY ใน 1H66 ไปแล้ว

บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) ราคาเป้าหมายกลางปี 2567 ที่ 9.0 บาท  โดยคาดว่าโมเมนตัมรายได้ของ EKH จะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของจำนวนเคส IVF ของคนไข้ชาวจีนหลังไตรมาส 1/66 อีกทั้งการประหยัดต่อขนาดของ EKI และ รพ.คูน น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่การระบาดของโควิด-19 น่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับ EKH ในไตรมาส 2/2566

มากันที่หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ กลุ่มโรงพยาบาลที่เตรียมเข้าเทรดในช่วงไตรมาส 3/66 นี้ 

บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (PHG) ประกอบธุรกิจหลักคือให้บริการทางการแพทย์ภายใต้ “กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต” ซึ่งสำนักงานก.ล.ต.ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 54,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นร้อยละไม่เกิน 18.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) / การแพทย์ (HELTH)

บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (PHG) ประกอบธุรกิจหลักคือให้บริการทางการแพทย์ภายใต้ “กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต” มีประสบการณ์ในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนกว่า 36 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 30 สาขา ที่พร้อมให้บริการดูแลรักษา และให้คำปรึกษาสำหรับผู้บริการในทุกๆ กลุ่ม 

รวมถึงให้บริการศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมงที่มีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด หรือ Open Heart Surgery ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านการทำหัตถการรักษาหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน ระดับ 1 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวใน สปสช. เขต 4 ซึ่งประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และนครนายก 

และที่สำคัญกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตยังมีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเฉพาะทางแม่และเด็ก เพื่อต่อยอดการพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการเกี่ยวกับโรคผู้สูงอายุ และโรคทางนรีเวช

สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการช่วงปี 2566-2569 ได้แก่ 1. เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถภายในปี 2567 2. เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1 ภายในปี 2567 3. เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 2569 

4. เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในปี 2567 5. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนภายในปี 2566 และ 6. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 2566

ขณะที่ผลการดำเนินงานสำหรับงวดปี 2563-2565 และสำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 104.64 ล้านบาท 317.48 ล้านบาท 293.10 ล้านบาท และ 44.55 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.73% 15.99% 14.27% และ 9.11% ตามลำดับ