Smart Investment

สปส.ตัดขายหุ้น TU ไม่สนสิทธิจองไอพีโอ ITC


30 พฤศจิกายน 2565

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ ดัชนีหุ้นแกว่งตัวผันผวนและยังไม่ไปไหน ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียบ 0.75% ขณะที่สัปดาห์สุดท้ายยังมีทิศทางไม่ค่อยดี เนื่องจากมีปัจจัยที่น่าจะเป็นแรงกดดันได้อีก คือการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกนง.

โดยบล.ทรีนีตี้ประเมินว่า ปัจจัยสำคัญสุดในสัปดาห์นี้ได้แก่การประชุม กนง. ซึ่งล่าสุดในตลาด Swap นักลงทุนเริ่มมีการ Price in มากขึ้นว่า กนง. อาจมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ได้ ในกรณีฐาน เรายังคงเชื่อว่า กนง. สามารถที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ไปก่อนได้ เพื่อรอดูการส่งผ่านของการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมาเสียก่อน

รวมถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มปรับลดลงในช่วงหลัง ไม่ว่าอย่างไรแล้ว หากกนง.ตดั สินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จริง ประเมินเป็นผลลบต่อ SET Index ผ่านปรากฏการณ์ PE Contraction ซึ่งหากอ้างอิงจากสถิติเดิมจะพบว่าการขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25% นี้ จะทำให้ Forward PE ของดัชนี SET ถูกลดทอนลง 2.9% ซึ่งจะทำให้ตัวคูณในกรณี Best / Base / Bad ของเราปรับลงจาก 15.9x / 14.8x / 13.7x มาอยู่ที่ 15.4x / 14.4x / 13.4x ตามลำดับ ซึ่งเมื่อนำมาคูณกับประมาณการ EPS ปีหน้าที่ 110 บาท จะได้ว่าระดับดัชนี SET ที่หมาะสมในแต่ละกรณีของเราจะถูกปรับลงจาก 1750 / 1630 / 1510 มาอยู่ที่ 1700 / 1580 / 1470 ตามลำดับ

อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าเฝ้าระวังคือหาก กนง. มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ แม้อาจส่งผลบวกต่อเงินบาทในระยะสั้น แต่อาจเป็นผลทำให้ Yield curve ของไทยเข้าสู่ภาวะ Flattening มากขึ้นได้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาต้องบอกว่า Yield curveของเราสามารถมีความชันทรงตัวในระดับสูงได้มาโดยตลอด ซึ่งหากปรับตัว Flattening มากขึ้น อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อดัชนี SET และกลุ่ม Domestic cyclical มากขึ้นได้ 

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในส่วนการลงทุนของพอร์ตสำนักงานประกันสังคม(สปส.) พบว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยได้นำโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดไปเปรียบเทียบกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน โดยสปส.ได้ทำการเพิ่มและลดสัดส่วนการถือหุ้นขนาดใหญ่ ดังนี้

หุ้น INTUCH ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ล่าสุดถือหุ้นจำนวน 45,434,800 หุ้นคิดเป็น 1.42% จากเดือนสิงหาคม 2565ถือหุ้นจำนวน 42,755,100 หุ้นคิดเป็น 1.33% แสดงว่ามีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว

สอดคล้องกับการถือ หุ้นTOP ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ล่าสุดถือหุ้นจำนวน 23,015,836 หุ้นคิดเป็น1.03% จากเดือนสิงหาคม 2565 ถือหุ้น จำนวน 17,478,100 หุ้นคิดเป็น 0.86%

ในทางตรงกันข้ามจะพบว่าได้มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นจำนวนมากในหุ้น TU โดยเดือนพฤศจิกายน 2565 ล่าสุดถือหุ้นจำนวน 127,743,408 หุ้นคิดเป็น 2.68% จากเดือนสิงหาคม 2565 ถือหุ้น จำนวน 160,526,508 หุ้นคิดเป็น 3.36% แม้ว่า TU ได้ประกาศให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในการได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท (Pre-emptive Right)ของ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ITC) ในอัตราส่วน 34.9935หุ้นTU จะได้รับสิทธิจองหุ้นไอพีโอของ ITC จำนวน 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 32 บาท ดังนั้น การที่ สปส.ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นTU ก็น่าจะสะท้อนได้ว่าอาจไม่สนใจที่จะจองซื้อหุ้น ITC ในสัดส่วนที่สูง

นอกจากนี้ยังพบว่าภายหลังปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นTU "ธีรพงศ์ จันศิริ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯได้ทำรายการขายหุ้นออมา 2 รอบ จำนวน 7 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 18.04 บาท และ 1.4 ล้านหุ้นที่ราคาหุ้นละ 18 บาท ซึ่งการทำรายการดังกล่าวจะพบว่า "ธีรพงศ์ จันศิริ"จะได้รับเงินมูลค่ารวม 150 ล้านบาท

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นTU ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ราคาหุ้นปรับลดลง 5.56% จากราคา 18 บาท ลดลงมาอยู่ที่ 17 บาท ขณะที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 16.70 บาท

ขณะที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ได้แนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นTU โดยเฉพาะบล.ทรีนีตี้แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 23 บาท เนื่องจากปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น ซึ่ง กำไรไตรมาส 3/2565 ทำ New High แข็งแกร่งทั้งในด้านยอดขายและอัตรากำไร จากแนวโน้มกำไร ไตรมาส 3/2565ที่สูงกว่าคาด จึงปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น แต่แนวโน้มไตรมาส 4/2565 อาจอ่อนตัวลงบ้างตามฤดูกาล

ขณะที่ธุรกิจของ Red Lobster จะค่อยๆ ดีขึ้น จากการปรับราคาขาย และปรับปรุงการดำเนินงานภายใน รวมทั้งพร้อมปรับราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 23 บาท ธุรกิจหลักยังดี บวกกับมีผลบวกเชิงจิตวิทยาจากการเข้าตลาดของ ITC จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”