by.พูเมซ่า
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม 2566 ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวและผันผวน โดยปรับลดลงไปแตะระดับต่ำสุดที่1,514.89 จุด โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลจะเป็นปัจจัยทั้งภายในประเทศประเด็นความไม่ชัดเจนทางการเมืองและปัจจัยต่างประเทศโดยบล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงปรับสมดุล ขาด FUND FLOW สนับสนุน
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ซึ่งนักลงทุนยังกังวลในเสถียรภาพทางการเมือง และปรับตัวของธุรกิจตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ ส่งผลให้ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า -3.2 หมื่นล้านบาท (mtd) ขณะเดียวกันเม็ดเงินที่เคยเข้ามาในตราสารหนี้ไทยช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤษภาคมสูงถึง 6.8 หมื่นล้านบาท แต่หลังเลือกตั้งถูกรินขายลดลงมาเรื่อยๆ จนเหลือยอดซื้อสะสมเพียง 9.8 พันล้านบาท (mtd)
Fund Flow ที่ไหลออก กดดันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติลดลงจนถือครองทางตรงเหลือเพียง 23.67% (หากไม่นับ DELTA เหลือ 18.98% เท่านั้น) เมื่อรวมกับ NVDR จะเป็น 29.3% (หากไม่นับ DELTA เหลือ 24.8%)
ภาพรวม SET Index ในเดือนพฤษภาคม 2566 ยังบวก 9.74 จุด หรือ 0.6% (mtd) ถ้าอ้างอิงจากหุ้นใน SET100 ที่ขึ้นแรง พบว่า แรงผลักดันหลักๆ มาจากหุ้น DELTA +33% (mtd) หนุนให้ SET บวก 32 จุด นอกจากนี้ยังมีหุ้นอื่นๆ ที่ขึ้นแรงเกิน 10% อาทิ หุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี SABUY NEX FORTH COM7 หุ้นการเงิน TIDLOR TQM TIPH หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน TU และหุ้นสื่อ BEC สรุปภายใต้ปัจจัยแวดล้อมยังมีความไม่แน่นอน Fund Flow ยังชะลอการไหลเข้าประเมินวันนี้SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1520 – 1545 จุด กลยุทธ์แนะนำหุ้นที่ย่อตัวลงมาลึก และมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุน
ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ"วิชัย วชิรพงศ์"หรือเสี่ยยักษ์ ณ เดือนพฤษภาคม 2566 พบว่ามีการถือครองหุ้น 6 บริษัท มีมูลค่าการถือครองรวม 2.7 พันล้านบาท ดังนี้
หุ้น จำนวน(หุ้น) %การถือครอง
BEM 295,980,057 1.94
BIS 13,701,800 4.36
BWG 120,083,800 2.43
ETC 55,200,500 2.46
PACE 284,965,300 1.98
PPM 8,739,500 2.07
จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า มีหุ้น 2 บริษัทฯที่ได้ปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ เดือนพฤษภาคม 2566ได้แก่หุ้น BIS ถือหุ้นจำนวน13,701,800 หุ้น คิดเป็น4.36% ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อครั้งก่อนยังคงถือครองเท่าเดิม แต่สำหรับหุ้นPPM ล่าสุดถือจำนวน 8,739,500 หุ้นคิดเป็น 2.07% โดยเมื่อนำมาเปรียบเทียบรายชื่อผู้ถือหุ้นครั้งก่อนไม่ปรากฎการถือครอง และการถือหุ้นดังกล่าว "เสี่ยยักษ์"ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 %ในทันที
รายชื่อผู้ถือหุ้นPPM ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ประกอบด้วย
ชื่อ จำนวน (หุ้น) %ถือหุ้น
กนกกร แทนไกรศร 112,400,040 26.64
ชำนาญ พรพิไลลักษณ์ 102,815,733 24.36
CHANTHANOME PHOMMANY 44,000,000 10.43
ไทยเอ็นวีดีอาร์ 13,425,677 3.18
วิชัย วชิรพงศ์ 8,739,500 2.07
พิเชฐ โฆษิตวงศ์สกุล 8,726,200 2.07
รัชดา โฆษิตวงศ์สกุล 7,500,000 1.78
พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ 6,000,000 1.42
ถาวร ตั้งตระกูลวงศ์ 4,770,900 1.13
มนัสนันท์ อร่ามแสงเทียน 4,325,500 1.03
ขณะที่รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566 ดังนี้
กนกกร แทนไกรศร 112,400,040 26.64
ชำนาญ พรพิไลลักษณ์ 102,815,733 24.36
CHANTHANOME PHOMMANY 44,000,000 10.43
ไทยเอ็นวีดีอาร์ 13,298,172 3.15
พิเชฐ โฆษิตวงศ์สกุล 8,726,200 2.07
รัชดา โฆษิตวงศ์สกุล 7,500,000 1.78
พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ 6,000,000 1.42
ฐิติ กิตติพัฒนานนท์ 5,826,600 1.38
ถาวร ตั้งตระกูลวงศ์ 4,518,900 1.07
มนัสนันท์ อร่ามแสงเทียน 4,207,300 1.00
ทั้งนี้ PPM ได้รายงานผลการดำเนินในไตรมาสที่ 1 ปี2566 จากงบรวม บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 487.16 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า0.93% บริษัทย่อยแห่งหนึ่งผลิตสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.62 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมียอดขายเติบโตต่อเนื่องบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งประกอบธุรกิจโซลาร์เซลล์ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 72.01 มีโครงการจำนวนมากที่ได้ลงนามสัญญาตั้งแต่ปลายปี2566 ถึงปัจจุบัน บริษัทได้เร่งเข้าดำเนินการแล้วตามลำดับ แต่ด้วยการแข่งขันทวีความรุนแรงมากและส่งผลขาดทุนในไตรมาสนี้บริษัทจึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพทั้งบุคลากร โรงงานเครื่องมือ และเครื่องจักร จึงมีการลงทุนประกอบกับมีค่าใช้จ่ายสูงอย่างไรก็ดีมั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
กำไรสำหรับงวดผลการดำเนินงานไตรมาสที่1 ปี 2566 จากงบรวม บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวดส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่เป็นเงิน 1.59 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 94.93 จากปีก่อนหน้า ซึ่งมีผลกำไรสำหรับงวดส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่เป็นเงิน 31.38 ล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนหน้า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานสูงและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมาก
ที่เกี่ยวข้อง
