Talk of The Town

COLOR ส่งซิกแนวโน้มผลงาน Q2/66 สดใส จ่อรับรู้รายได้ธุรกิจพลังงาน-เกษตร


18 พฤษภาคม 2566
“พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์”เอ็มดี บมจ.สาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) ส่งสัญญาณแนวโน้มงานไตรมาส 2/66 โตแกร่ง จาก 2 ธุรกิจใหม่ “ธุรกิจพลังงานทดแทน–ธุรกิจการเกษตร”  จากการส่งมอบงานมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท พร้อมลุยรับงาน ประมูลงานใหม่ Floating Solar เพิ่ม หนุนผลงานปี 66 รายได้โตเกิน 20% ตามนัด
COLOR ส่งซิกแนวโน้มผลงาน.jpg
นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) (COLOR) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ และสีผสมพลาสติกชนิดผง เปิดเผยว่า  มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2566 จะเติบโตเกิน 20% ตามแผนงานที่วางไว้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายในส่วนของธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านบริษัทย่อย บริษัท เดอะบับเบิ้ลส์ ผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) เพื่อใช้สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (Floating PV System) และธุรกิจภาคการเกษตร ที่บริษัทฯเข้ารับงานมูลค่ารวม 150 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงสิ้นปี 2566 

“แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเรามีรายรับจากงานในส่วนของธุรกิจใหม่เพิ่มจากที่เราได้งานมา ขณะที่ธุรกิจเดิม ธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ครึ่งปีหลังก็จะเร่งเข้ามา จากคำสั่งซื้อสูงของกลุ่มลูกค้า Packaging ที่สต็อกสินค้าพร้อมขายในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น ปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน สนับสนุน” 

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน มีมาร์จิ้นสูงเฉลี่ย 20% เทียบกับธุรกิจเดิมอยู่ที่  15–18 % ซึ่งจะเร่งขยายสัดส่วนรายได้ เพื่อสร้างผลประกอบที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีความสนใจในการเข้าประมูลโครงการต่างๆ งานภาคเอกชน รวมทั้งโครงการภาครัฐ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (พ.ศ. 2561–2580) กำลังการผลิตรวม 2,000 เมกะวัตต์  ซึ่งจากการได้รับงานจะสนับสนุนโอกาส ทั้งการเข้าประมูลเองและร่วมกับพันธมิตร 

ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้างานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน มูลค่า 350 - 400 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบัน 150 – 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯในปีนี้ มาจากธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกเป็นหลักที่ 85% ธุรกิจใหม่ 15%  ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/66 มีรายได้รวม 287 ล้านบาท