จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SFLEX ลุยบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม ติดปีกผลงานปี 66 โตก้าวกระโดด


08 พฤษภาคม 2566
การขยายธุรกิจลงทุนบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษในเวียดนาม ของบมจ. สตาร์เฟล็กซ์  (SFLEX) โดยใช้เงินเกือบ 400 ล้านบาท  ถือว่ามีความคุ้มค่าส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท  ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.หยวนต้า ต่างแนะนำ “ซื้อ”

รายงานพิเศษ SFLEX.jpg

บล.ฟินันเซีย ไซรัส  วิเคราะห์ บมจ. สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) กรณีที่เข้าลงทุนซื้อหุ้น 25% ใน SPV ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษชั้นนำใน โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2023  คณะกรรมการบริษัทของ SFLEX ได้อนุมัติแผนการลงทุนเพื่อซื้อหุ้น 25% ใน Star Print Vietnam JSC (SPV) ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องกระดาษพับในเวียดนาม ต้นทุนการลงทุนรวมของ SFLEX อยู่ที่ 383 ลบ. (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ. วันที่ 22 มี.ค. 2023) แหล่งเงินทุนในการซื้อจะมาจากเงินกู้จากธนาคารและกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ รายการดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จใน 3Q23

โดยผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงชั้นนำพร้อมกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียง SPV เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำในเวียดนาม บริษัทฯมีผลิตภัณฑ์หลักประกอบด้วยกล่องกระดาษพับ กล่องจั่วปังและกล่องกระดาษลูกฟูก ถุงกระดาษ และบรรจุภัณฑ์กระดาษอื่นๆ บริษัทฯ มีฐานลูกค้าสำคัญครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียนรวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในช่วง 3 ปีที่แล้ว (2020-2022) SPV มีรายได้จากการขายโตในอัตรา 10% CAGR ไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.5พันล้านบาท ในปี 2022 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิพุ่งแรงจาก 52 ล้านบาท ในปี 2020 เป็น 135 ล้านบาท ในปี 2022 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 9.1% ในปี 2022

การซื้อที่ดีในราคาที่เหมาะสม

บริษัทมองว่า การซื้อดังกล่าวจะช่วยเสริมความสามารถของ SFLEX ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นจากประเภทสินค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่มีแต่ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกอ่อน การลงทุนดังกล่าว  จะช่วยให้ SFLEX โตเพื่อที่จะได้มีโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้เราคิดว่าการซื้อดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นกำไรของ SFLEX จากกำไรสุทธิปี 2022 ของ SPV ที่ 135 ลบ. เราคาดว่า SFLEX น่าจะได้ประโยชน์จากกำไรต่อปีที่เพิ่มขึ้น 25-30 ลบ. ถ้าสมมติให้เงินที่ใช้ซื้อหุ้น 25% ดังกล่าวมาจากแหล่งเงินทุนที่อิงหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) ที่ 1x 

คงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท 

ต้นทุนในการซื้อคิดเป็นค่า P/E ที่ 10.8x ของกำไรปี 2022 ของ SPV ซึ่งต่ำกว่าค่า 2023E P/E ที่ 16.9x ของ SFLEX เราคงแนะนำซื้อ SFLEX ที่ราคาเป้าหมาย 4.7 บาท (อิง PE 24x) ต่ำกว่า -0.5SD ของค่าเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังนับตั้งแต่การจดทะเบียนในตลาดฯ ปัจจุบันราคาหุ้นซึ่งมีการซื้อขายที่ 2023E P/E 16.9x และ 2023E EV/EBITDA เพียง 11.3x (ต่ำกว่า -1.0SD ของค่าเฉลี่ย P/E และ EV/EBITDA 4 ปีย้อนหลัง) เป็นระดับที่เกือบต่ำที่สุดนับตั้งแต่บริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดฯ

ด้านบล.หยวนต้า  คาดกำไรปกติ 1Q66 ที่ 35 ลบ. (+4.2% QoQ, +167.7% YoY) จาก การฟื้นตัวของภาคอุปโภคและบริโภคในประเทศ และแนวโน้มต้นทุนที่ดีขึ้นต่อเนื่องหนุนอัตรากำไรขั้นต้น  ส่วนแนวโน้ม 2Q66 คาดกำไรเบื้องต้นชะลอลง QoQ แต่เติบโตโดดเด่น  YoY

ส่วนการที่บริษัทประกาศลงทุนในบริษัท SPV ในเวียดนามสัดส่วนการลงทุน 25% คาดช่วยให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มราว 30 ลบ./ปี  เริ่มรับรู้เต็มปีในปี 2567

ดังนั้นเราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2566 ของ SFLEX ที่จะฟื้นกลับมาได้ชัดเจนหลังปัจจัยกดดันหลักด้านต้นทุนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับ Demand ที่จะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และรับรู้ผลของการปรับขึ้นราคาได้เต็มปี

เราคาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 127 ลบ. (+132% YoY) คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเหมาะสมที่ 4.60 บาท ประมาณการยังไม่รวม Upside จาก JV ร่วมกับ TU และการเข้าลงทุนใน SPV