บล.กรุงศรีพัฒนสิน มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 เม.ย.) คาด“Sideways”ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานครัังแรกสหรัฐสูงกว่าคาด ผสานกับยอดขายบ้านมือสองชะลอลงตอกย้ำวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสหรัฐเป็นช่วงปลายทาง หนุนค่าเงิน Dollar กลับมาอ่อนค่าระยะสั้นบวกต่อ ทิศทาง Flow ไหลเข้า EM&ASIA

แต่ราคาน้ำมันดิบยังพักฐานต่อเป็นจำกัดการขึ้นของหุ้นในภูมิภาค ส่วนปัจจัยภายในมีประเด็นบวกต่อ คือ 1.) งบธนาคารที่ทยอยประกาศออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาด ล่าสุดคือ BBL 2.)วันนี้ติดตามการ ลดค่าไฟลงบวกต่อการบริโภคและต้นทุนธุรกิจ ประเมินกลุ่มนำตลาดวันนี้ คือ กลุ่มสื่อ, กลุ่มธนาคาร, กลุ่ม Domestic play ผสาน กับระยะถัดไปมีความคาดหวังเชิงบวกจากการนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการเลือกตั้ง และภาพเดินหน้าสู่เลือกตั้งใหญ่ระยะถัดไป จะเป็นแรงหนุน SET Index เดินหน้าสู่เป้าปี 2023 ที่ 1768จุด ทั้งนี้ อิง ERP เฉลี่ย 3.35%
โดยปัจจุบันยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 80% แนะนำ
1) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening ที่ลุ้น Upside เพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตรการจำกัดการเดินทางชาวจีนของบางประเทศ คาดจะนำตลาดได้ต่อ ( AOT, AMATA, WHA, ERW, CENTEL, SNNP, MC, SISB, SIRI, MC )
2) หุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ผสานหุ้น Consumer พื้นฐานมั่นคง (CRC, HMPRO, CPALL, BJC, ADVANC, AMATA, SAPPE, BBL, KBANK, SCB)
3) Election Play (ADVANC, INTUCH, PLANB, CPALL, MAKRO, CRC, SAWAD)
4) Summer Play (OSP, ICHI, SAPPE, HMPRO, CRC, CENTEL)
5) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า Anti-Commodities และกระแสผลประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียน (GULF, GPSC)
6) หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ที่ราคาสินค้าต่างๆยืนสูง (PTTEP, KSL) โดย PTTEP เก็งกำไรรอบสั้นตามราคาน้ำมัน
KCS Best Picks : AMATA, PLANB, BBL

แต่ราคาน้ำมันดิบยังพักฐานต่อเป็นจำกัดการขึ้นของหุ้นในภูมิภาค ส่วนปัจจัยภายในมีประเด็นบวกต่อ คือ 1.) งบธนาคารที่ทยอยประกาศออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาด ล่าสุดคือ BBL 2.)วันนี้ติดตามการ ลดค่าไฟลงบวกต่อการบริโภคและต้นทุนธุรกิจ ประเมินกลุ่มนำตลาดวันนี้ คือ กลุ่มสื่อ, กลุ่มธนาคาร, กลุ่ม Domestic play ผสาน กับระยะถัดไปมีความคาดหวังเชิงบวกจากการนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการเลือกตั้ง และภาพเดินหน้าสู่เลือกตั้งใหญ่ระยะถัดไป จะเป็นแรงหนุน SET Index เดินหน้าสู่เป้าปี 2023 ที่ 1768จุด ทั้งนี้ อิง ERP เฉลี่ย 3.35%
โดยปัจจุบันยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 80% แนะนำ
1) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening ที่ลุ้น Upside เพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตรการจำกัดการเดินทางชาวจีนของบางประเทศ คาดจะนำตลาดได้ต่อ ( AOT, AMATA, WHA, ERW, CENTEL, SNNP, MC, SISB, SIRI, MC )
2) หุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ผสานหุ้น Consumer พื้นฐานมั่นคง (CRC, HMPRO, CPALL, BJC, ADVANC, AMATA, SAPPE, BBL, KBANK, SCB)
3) Election Play (ADVANC, INTUCH, PLANB, CPALL, MAKRO, CRC, SAWAD)
4) Summer Play (OSP, ICHI, SAPPE, HMPRO, CRC, CENTEL)
5) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า Anti-Commodities และกระแสผลประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียน (GULF, GPSC)
6) หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ที่ราคาสินค้าต่างๆยืนสูง (PTTEP, KSL) โดย PTTEP เก็งกำไรรอบสั้นตามราคาน้ำมัน
KCS Best Picks : AMATA, PLANB, BBL
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
GULF เตรียมงบลงทุน 4.2 หมื่นลบ. ลุยผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 746 MW ขายไฟให้ กฟผ. 25 ปี คาดเริ่ม COD ปี 69
%20copy_0.jpg)
SCC ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว! โบรกฯ อัพเกรดเป็น “ซื้อ” เพิ่มเป้า 200 บาท ชี้ Q3 เป็นจังหวะสะสม เข้าสู่รอบฟื้นตัว
%20copy_0.jpg)
CHAYO ดิ่ง 5 วันติดกว่า 16% ผวา! ข่าวลือขยายเวลาชำระหุ้นกู้ ฉุดความเชื่อมั่น โบรกฯ มองเสี่ยง แนะเลี่ยงลงทุน

SCGD มั่นใจฐานการผลิตเวียดนาม หนุนเติบโตระยะยาว ลดต้นทุนในไทย รับมือความผันผวนเศรษฐกิจ
.jpg)