รายงานพิเศษ : PREB บุกตลาดรับเหมาก่อสร้าง กระจายเสี่ยงลดงานสร้างคอนโด หวังช่วยดันรายได้-กำไรเติบโต

ปี 2568 ถือเป็นปีที่ท้าทายของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยสถานการณ์ล่าสุด นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยภาพรวมตลาดธุรกิจรับสร้างบ้าน ในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ย.) ของปี 2568 ว่า จากการนำข้อมูลศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) มาวิเคราะห์ควบคู่กับฐานข้อมูลของสมาคมฯ พบว่า ตลาดธุรกิจรับสร้างบ้าน มีมูลค่าประมาณ 141,077 ล้านบาท ลดลง 14% จากปี 2567 ที่ 163,882 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวช้า เสถียรภาพทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง และกำลังซื้อของครัวเรือนที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวเต็มที่
ขณะที่นายวิศรุต ปัญญาภิญโญผล Real Estate Lending Head ของ KKP กล่าวว่า ภาพรวมการให้สินเชื่อโครงการแก่ผู้ประกอบการในปี 68 มีแนวโน้มลดลงตามสภาวะอุตสาหกรรม ประมาณการถึงสิ้นปีนี้น่าจะลดลงจากปี 67 ประมาณ 20%
ซึ่งทางธนาคารมองว่าเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะ เนื่องจากยอดสินเชื่อโครงการปล่อยใหม่เป็นการให้วงเงินเพื่อซื้อที่ดินหรือก่อสร้างโครงการใหม่เป็นส่วนใหญ่ เมื่อปริมาณสินค้าคงเหลือในตลาดยังมีให้ดูดซับ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงชะลอการซื้อที่ดิน หรือเปิดโครงการใหม่
และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ผู้บริหาร บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ที่ปรับกลยุทธ์มาเน้นเข้าร่วมประมูลงานด้านรับเหมาก่อสร้างเป็นหลัก โดยนายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PREB ระบุ ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีรายได้รวม 1,402.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 167.74 ล้านบาท หรือ 13.58% และมีกำไรสุทธิ 33.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.72 ล้านบาท หรือ 76.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนงานรับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงาน โรงงาน และโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น 266.97 ล้านบาท สะท้อนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ หลังภาคเศรษฐกิจและเงื่อนไขสัญญางานใหม่ ทดแทนงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมซึ่งซบเซาต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจงานก่อสร้างในปีนี้ บริษัทฯได้มีการปรับเงื่อนไขราคาและสัญญาว่าจ้างใหม่ รวมถึงปรับประเภทงานให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด ทำให้โครงการที่เข้ามาเริ่มกลับสู่ระดับอัตรากำไรปกติ โดยเฉพาะส่วนงานรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของรายได้และกำไรในไตรมาสนี้
ขณะที่กำไรขั้นต้นของส่วนงานรับเหมาก่อสร้าง บริษัทฯ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสถัดไป และเชื่อว่าจะรักษาระดับที่ดีได้ตลอดปีหน้า เนื่องจากโครงการใหม่มีการทบทวนราคาต้นทุนและเงื่อนไขสัญญาแล้วเสร็จ รองรับการส่งมอบงานอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ยังคงกดดันยอดขายของส่วนงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และส่วนงานขายและผลิตวัสดุก่อสร้าง แม้บริษัทฯพยายามขยายตลาดสินค้ากลุ่ม GRC ที่ไม่พึ่งพาตลาดที่อยู่อาศัย แต่กำไรยังไม่กลับสู่ระดับปกติ
"แม้บางธุรกิจยังเผชิญความท้าทาย แต่โครงสร้างงานรับเหมาของบริษัทฯ ในปีนี้เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติอย่างมีนัยสำคัญ และพร้อมเข้าร่วมประมูลงานใหม่ โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 9.8 พันล้านบาท ทำให้ภาพรวมรายได้และกำไร เริ่มฟื้นตัว และมีแนวโน้มสร้างการเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า" นายวิโรจน์ กล่าว