Talk of The Town

MRDIYT เด่นสุดกลุ่มค้าปลีก โบรกฯคาดกำไรปี 68-70 โตปีละ 25% รับแรงหนุนขยายสาขา-ยอดขายสาขาเดิมโต


18 ธันวาคม 2568

MRDIYT โบรกฯคาดกำไรปี 68-70 โตปีละ 25.2% เด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก รับแรงหนุนแผนขยายสาขาเชิงรุก 200 สาขาต่อปี พร้อมแนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท

MRDIYT เด่นสุดกลุ่มค้าปลีก_S2T (เว็บ) copy_0.jpg 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า กำไรสุทธิของ MRDIYT จะเติบโตขึ้นด้วยอัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 25.2% ระหว่างปี 2568-70 ซึ่งโดดเด่นกว่าของกลุ่มค้าปลีกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย และคาดว่ายอดขายที่ขยายตัวขึ้น 22%, 19% และ 18% มาอยู่ที่ 1.96 หมื่นล้านบาท, 2.34 หมื่นล้านบาท และ 2.76 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

โดยเป็นอัตราที่สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมที่ 4.8% ระหว่างปี 2567-72 ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของ Frost & Sullivan ที่จะได้แรงหนุนจากการขยายสาขาเชิงรุกอย่างต่อเนื่องที่มากกว่า 200 สาขาต่อปี และการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 2% ถึง 2.2% ระหว่างปี 2568-70

นอกจากนี้ คาดว่า MRDIYT จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงที่ 50-52% ซึ่งเป็นผลมาจากสัดส่วนของสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (white-label) ส่วนใหญ่ (มากกว่า 45% ของยอดขายในครึ่งแรกปีนี้) และสินค้านำเข้า (75% ของยอดจัดซื้อสินค้าของบริษัท) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสินค้าแบรนด์ในประเทศ

ทั้งนี้ รูปแบบการประกอบธุรกิจที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ MRDIYT มีรูปแบบการประกอบธุรกิจที่ยากต่อการลอกเลียนแบบสามารถใช้ประโยชน์จากขนาดเครือข่ายสาขาและเครือข่ายการจัดซื้อในระดับภูมิภาค ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่และระบบการจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพ

รวมทั้งรูปแบบร้านค้าที่เป็นมาตรฐาน ช่วยให้ MRDIYT สามารถเสนอราคาขายสินค้าในราคาที่แข่งขันได้ (ส่วนลดเฉลี่ย 15% ถึง 36% ในแต่ละหมวดหมู่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง) แต่ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงได้ รูปแบบธุรกิจนี้ได้พิสูจน์ความสำเร็จแล้วในหลายประเทศ รวมถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย MRDIYT เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2558 และยังคงขยายสาขาในไทยจนถึงมากกว่า 1,000 สาขา ในครึ่งแรกปี 2568 และมีแผนจะเปิดสาขาอย่างน้อย 200 สาขาต่อปีในช่วงปี 2568 – 70

ขณะเดียวกัน กระแสเงินสดและสถานะการเงินแข็งแกร่ง MRDIYT ขยายเครือข่ายสาขาด้วยรูปแบบ light asset ซึ่งต้องใช้ Capex ที่ราว 5 ล้านบาทต่อสาขา (4.8 ล้านบาทต่อสาขา ในครึ่งแรกปีนี้) ขณะที่การดำเนินงานสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่มากกว่า 3 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งมากพอสำหรับแผนขยายสาขาในเชิงรุก

โดยในช่วงสิ้นไตรมาส 3/2568 MRDIYT รายงานสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่ 1.3 เท่า ซึ่งต่ากว่า Debt Covenant ที่ 2.25 เท่าอย่างมาก หลัง IPO คาดว่า MRDIYT จะพลิกกลับเป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิเป็นบวก อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับแผนขยายสาขาเชิงรุกในอนาคต MRDIYT มีแผนจะก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่สามารถรองรับการดำเนินงานได้มากถึง 3,000 สาขา ด้วย CAPEX ที่ 4.6 พันล้านบาทโดยคาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2574

ทั้งนี้ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่ายุติธรรมของ MRDIYT ณ สิ้นปี 2569 ที่ 10.10 บาท คำนวณจากวิธี discounted cashflow ด้วยอัตราคิดลดที่ 10.9% และอัตราเติบโตสุดท้ายที่ 2% ซึ่งคิดเป็น P/E ปี 2569 ที่ 19.9 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของกลุ่มค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างและไลฟ์สไตล์ในประเทศราว 30% ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงกว่า แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของ MR. D.I.Y. ในต่างประเทศราว 10%