Smart Investment

"นิติ โอสถานุเคราะห์" นักลงทุนรายใหญ่ ตุนหุ้น WHA เพิ่มต่อเนื่อง พบสัดส่วนถือครองนิวไฮในรอบ 6 ปี


13 ธันวาคม 2568

คอลัมน์พูเมซ่า-S2T-นิติ_info-ปก_0.jpg

จากการสำรวจข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ "นิติ โอสถานุเคราะห์" ทายาทของตระกูลโอสถสภา และเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่รู้จักกันในตลาดหุ้นไทย และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับ 1 ของบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) OSP ล่าสุดในเดือนพ.ย.68 พบว่า ได้เพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้น WHA บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี ดังนี้ 

28/11/2568  ถือหุ้นจำนวน  663,374,090 หุ้น คิดเป็น  4.44%

22/11/2567  ถือหุ้นจำนวน  436,438,690หุ้น คิดเป็น  2.92%

23/11/2566  ถือหุ้นจำนวน  436,438,690หุ้น คิดเป็น  2.92%

28/11/2565  ถือหุ้นจำนวน  436,438,690หุ้น คิดเป็น  2.92%

26/11/2564  ถือหุ้นจำนวน  436,438,690หุ้น คิดเป็น  2.92%

27/11/2563  ถือหุ้นจำนวน  375,238,190หุ้น คิดเป็น  2.51%

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น WHA ล่าสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย

น.ส. จรีพร จารุกรสกุล  3,499,268,969  หุ้นคิดเป็น  23.41%

น.ส. ชัชชมนต์ อนันตประยูร  1,355,486,105  หุ้น คิดเป็น  9.07%

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  896,888,102  หุ้น คิดเป็น  6.00%

นาย ชัยวัฒน์ พู่พิสุทธิ์  680,290,854  หุ้น คิดเป็น  4.55%

น.ส. สุพิชญา พู่พิสุทธิ์  665,750,000  หุ้น คิดเป็น  4.45%

นาย นิติ โอสถานุเคราะห์  663,374,090  หุ้น คิดเป็น  4.44%

UBS AG SINGAPORE BRANCH  583,901,722  หุ้น คิดเป็น  3.91%

THE BANK OF NEW YORK MELLON  404,690,770  หุ้น คิดเป็น  2.71%

กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง  346,236,000  หุ้น คิดเป็น  2.32%

SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED  293,318,941  หุ้น คิดเป็น  1.96%

การเคลื่อนไหวราคาหุ้นในรอบปี 2568 ปรับลดลง 42.18 %

ทั้งนี้ WHA ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาทวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น 28 พ.ย. 2568 วันจ่ายปันผล 12 ธ.ค. 2568 ซึ่งเป็นเงินปันผลของรอบผลประกอบการ 1 ม.ค. 2568 - 30 ก.ย. 2568โดยนำเงินจากกำไรสุทธิ

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่าประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายสําหรับ FDI และการเติบโตของกลุ่มดิจิทัลคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการ data center WHA เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยนี้ นอกเหนือจากการเติบโตของอุปสงค์ในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีอยู่ แม้เราปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 2568 ลดลง 4% แต่เรายังคงคาดว่ากําไรจะทําสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4.7 พันลบ. ในปี 2568 และเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 เรายังคงคําแนะนํา OUTPERFORM

สําหรับ WHA ราคาเป้าหมายปี 2569อยู่ที่ 4.20 บาท (ลดลงจาก 4.70 บาท)  อ้างอิง -1SD จาก PE 13.2 เท่า (ค่าเฉลี่ย 7 ปี) FDI ของไทยยังคงเป็นบวก ในช่วง 9M68 ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนกับ BOI เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 94% YoY สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.37 ล้านลบ. รวมทั้งหมด 2,622 โครงการ (+23%) 

โดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) คิดเป็นสัดส่วน 72% มูลค่ารวม 985 พันลบ. เติบโตโดดเด่น 82% YoY ในส่วนของ BoI กลุ่มดิจิทัลมีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด (612.8 พันลบ.) ด้วยโครงการ data center 119 โครงการ ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (E&E) มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 382 โครงการ มูลค่า 184.1 พันลบ. สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงสุดที่359.8 พันลบ. ตามด้วยฮ่องกง (237.3 พันลบ.) จีน (142.9 พันลบ.) สหราชอาณาจักร (100.3 พันลบ.) และญี่ปุ่น (73.8 พันลบ.)

ยืนยันเป้ายอดขายที่ดินปี 2568 ณ  9M68 WHA มียอดขายที่ดิน 1,258 ไร่ (ไทย 1,236 ไร่ และเวียดนาม 22 ไร่) คิดเป็น 54% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 2,350 ไร่ (-8% YoY) อย่างไรก็ตาม จากยอด MOU/LOI คงค้างในมืออย่างน้อย 1,800 ไร่ WHA ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถขายที่ดินได้อีก 1,000 ไร่ในช่วงสิ้นปี เพื่อหนุนเป้าหมายบริษัท โดยได้รับแรงหนุนจากลูกค้ากลุ่ม data center สําหรับธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจโมบิลิตี้ภายใต้แบรนด์ "Mobilix" บริษัทตั้งเป้าปล่อยเช่ารถ 539 คันตามที่ทําได้ใน 9M68 สืบเนื่องมาจากความล่าช้าของห่วงโซ่อุปทาน แนวโน้ม 4Q68 ปัจจุบัน WHA มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (backlog) 1,400 ไร่ มูลค่า 7.45 พันลบ. ประมาณการยอดโอนที่ดินในปี 2568 ของเราอยู่ที่ 2,100 ไร่ ดังนั้นเราคาดว่าจะมีการโอนที่ดินอีก 600 ไร่ หรือประมาณ 3.0 พันลบ. ใน 4Q68  เราคาดว่ากําไร 4Q68 จะอ่อนตัวลง YoY จากฐานของ 4Q67 ที่มีรายการพิเศษ แต่เพิ่มขึ้น QoQ ซึ่งรวมกําไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHART พื้นที่ 31,922 ตร.ม. มูลค่า 769 ลบ. ไว้แล้ว

ปรับลดประมาณการปี 2568-2569 อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตรากําไรขั้นต้นใน 3Q68 ที่ตํ่ากว่าคาด เราจึงปรับลดสมมติฐานอัตรากําไรขั้นต้นทั้งปีลงเหลือ 53.6% จาก 55.1% ทําให้ปรับประมาณการกําไรสุทธิลดลง 4% เป็น 4.65 พันลบ. (+6.8%)  สําหรับปี 2569 เนื่องจากยอดขายที่ดินปี 2568 ที่ชะลอตัวลง YoY คาดทําให้ backlog ยกยอดไปปีหน้าน้อยลง เราจึงปรับประมาณการรายได้ลดลง 3% เป็น 1.37 หมื่นลบ. (+3.2%) และปรับประมาณการกําไรสุทธิลดลง 5% เป็น 4.76 พันลบ. (+2.3%)

คอลัมน์พูเมซ่า-S2T-นิติ_info_0.jpg