รีวิว 6 กองทุนประหยัดภาษี รีบช้อปก่อนจบสิ้นปี

ช่วงปลายปี ถือเป็นที่ตลาดทุนจะมีเม็ดเงินจากนักลงทุนที่สนใจซื้อกองทุนประหยัดภาษีเข้ามา เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีในปีนั้นๆ ซึ่งเช่นเดียวกันกับในปี 2568 ที่จะมีกองทุนให้นักลงทุนได้เลือกสรรมากมายทั้ง TESG และ RMF ในวันนี้เราก็มีกองทุนที่น่าสนใจมาแนะนำกัน

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้แนะนำ 6 กองทุน RMF และ TESG สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ กองทุนเปิด แอล เอช พันธบัตร เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ LHGOVRMF เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่าที่ออกโดยภาครัฐ หรือพันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง หรือกองทุน FIDF ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี

ถัดมาเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ กองทุนเปิดเค เวลธ์พลัส สปีดอัพ เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ K-WPSPEEDRMF เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป ที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์อย่างใดอย่างใดหรือหลายอย่าง เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ และทรัพย์สินทางเลือก โดยในสภาวะปกติกองทุนจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่เกิน 79%ของ NAVซึ่งมุ่งเน้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี

สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง แนะนำ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ SCBRMS&P500 ลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares Core S&P500 โดยมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด

และ กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ PRINCIPAL VNEQRMF ที่ลงทุนในกองทุนหลักซึ่งเน้นการลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนาม ที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตหรือรับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม

กองทุนเปิดกรุงศรีพันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน หน่วยลงทุนชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนสะสมมูลค่า หรือ KFGBTHAIESG-A ที่จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือตราสารเพื่อความยั่งยืน หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด

กองทุนเปิดเค Target Net Zeroหุ้นไทย-Aชนิดสะสมมูลค่า หรือ K-TNZ-ThaiESG ที่มีการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนโดยมีเป้าหมายให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักรวม และอุณหภูมิของพอร์ตต่ำกว่าดัชนีชี้วัด และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจในไทยมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและบรรลุเป้าหมาย Net Zeroภายในปี พ.ศ. 2608 โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด (Passive Management) ได้แก่ SET100 Total Return Index