“คริปโทเคอร์เรนซี” แม้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการพูดถึงและได้รับความสนใจจากนักลงทุนตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันก็มีเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีเกิดใหม่ขึ้นมาจนนับไม่ถ้วน แต่หากจะพูดถึง 10 อันดับเหรียญที่มีอำนาจหรือมีผลต่อตลาดจะมีอะไรบ้างนั้น เราจะพาไปดูกันในวันนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ได้กล่าวถึง เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ (Big Cap) หรือ เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) มากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเหรียญกลุ่มนี้มักมี สภาพคล่องสูง, ความผันผวนต่ำกว่าเหรียญ Mid และ Small Cap
อีกทั้งได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก เช่น
1.Bitcoin (BTC) 2.Ethereum (ETH) 3.Binance Coin (BNB) 4.Solana (SOL) 5.Ripple (XRP) 6.Cardano (ADA) 7.Bitcoin Cash (BCH) 8.Chainlink (LINK) 9.Stellar (XLM) และ 10.Avalanche (AVAX)
ทั้งนี้ ในเชิงสากล เหรียญกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็น “Blue Chips ของอุตสาหกรรมคริปโท” เนื่องจากมีความมั่นคงเชิงโครงสร้างมากกว่าโปรเจกต์ขนาดเล็ก ทั้งในด้านขนาดเครือข่าย ผู้ใช้งานจริง ระยะเวลาการดำเนินงาน และการสนับสนุนจากผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีความเสี่ยง นักลงทุนจึงต้องประเมินปัจจัยพื้นฐานควบคู่กับสภาวะตลาดอย่างรอบคอบ
สำหรับ เหรียญกลุ่ม Big Cap มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดย Bitcoin และ Ethereum ครองสัดส่วนสูงสุด ขณะที่เหรียญหลักอื่น ๆ ช่วยขยายการใช้งานในด้านต่างๆ
-
Bitcoin (BTC) คือคริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกที่ทำงานบนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ ใช้ระบบ Proof-of-Work เพื่อความปลอดภัยและความโปร่งใส มีจำนวนจำกัด 21 ล้านเหรียญ จึงถูกมองเป็น “ทองคำดิจิทัล” ปัจจุบันยังเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ด้วยมูลค่าตลาดราว $1,728.15B (อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2025)
-
Ethereum (ETH) คือแพลตฟอร์มบล็อกเชนชั้นนำที่รองรับ Smart Contracts และ DeFi/DApps โดยใช้กลไก Proof-of-Stake เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โทเคน ETH ใช้จ่าย Gas และ staking ขับเคลื่อนมาตรฐานโทเคนสำคัญ เช่น ERC-20 และ ERC-721 ทำให้ Ethereum เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมบล็อกเชน
-
BNB (BNB) โทเคนประจำ BNB Chain และระบบนิเวศของ Binance ใช้สำหรับชำระค่าธรรมเนียมเทรด รับส่วนลดค่าธรรมเนียม และเป็น Gas Token บน BNB Chain รวมถึงมีบทบาทในการ Staking และบริการภายในเครือ Binance
-
Solana (SOL) บล็อกเชน Layer-1 ที่โดดเด่นด้านความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ รองรับการทำธุรกรรมระดับสูง เหมาะสำหรับแอปพลิเคชัน DeFi, NFT และ Memecoin ที่ต้องการประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษ
-
Ripple (XRP)โทเค็นเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดน ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามประเทศที่มีความรวดเร็วและต้นทุนต่ำ และการจัดหาสภาพคล่อง
-
Cardano (ADA) บล็อกเชน Layer-1 ที่พัฒนาภายใต้แนวทางวิจัยเชิงวิชาการ (Research-driven) แบบ Peer-Reviewed ใช้ Proof-of-Stake (Ouroboros) มุ่งเน้นด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และการขยายขนาดระบบในระยะยาว
-
Bitcoin Cash (BCH) สกุลเงินดิจิทัลเพื่อการชำระเงินแบบ Peer-to-Peer เป็นการ Hard Fork จาก Bitcoin ในปี 2017 ที่เพิ่มขนาดบล็อกให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้สามารถทำหน้าที่เป็นเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเร็วสูงและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่ต่ำ
-
Chainlink (LINK) เครือข่าย Oracle แบบกระจายศูนย์ชั้นนำ มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยง Smart Contracts เข้ากับข้อมูลในโลกจริง (เช่น ข้อมูลราคา, API) อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนบล็อกเชนที่หลากหลาย
-
Stellar (XLM) บล็อกเชนสำหรับชำระเงินและการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็น มุ่งเน้นการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำ พร้อมให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) และความสามารถในการทำงานร่วมกัน (Interoperability)
-
Avalanche (AVAX) แพลตฟอร์ม Layer-1 ประสิทธิภาพสูง มี Finality ระดับเสี้ยววินาทีและรองรับธุรกรรมจำนวนมาก พร้อมสถาปัตยกรรม Subnets ที่เหมาะกับการสร้างเครือข่ายเฉพาะงาน เช่น DeFi, เกม และการใช้งานระดับสถาบัน
%20copy.jpg)