รายงานพิเศษ : PTG หุ้นเด่นในใจนักวิเคราะห์ แนะ “ซื้อ” ราคามีอัพไซด์ ผลงานไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง
บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) หุ้นพลังงานที่ได้แรงหนุนแนะนำซื้อจากนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะไตรมาส 4 ช่วง High Season ของการเดินทาง และการปรับสิทธิพิเศษของบัตร Max Card ตอบสนองความต้องการลูกค้า หนุนผลงานเติบโตระยะยาว
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินพัฒนาธุรกิจ Non-Oil ให้มีความหลากหลาย ผ่านแบรนด์ในเครือ อาทิ สถานีบริการก๊าซ LPG และก๊าซหุงต้ม PT, Max Mart, Coffee World, Subway, Autobacs, Max Camp, Maxnitron, EleX by EGAT PT รวมถึงสถานีบริการรูปแบบใหม่ GIGA EV จากฐานลูกค้าสมาชิกรวมกว่า 27 ล้านรายทั่วประเทศ เป็นกลไกหลักสนับสนุนการเติบโต
อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงประมาณการรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ทั้งปีจะเติบโตอยู่ในช่วง 30-40% จากปีก่อน และคาดสัดส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 35-40% โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 35.9% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าประมาณการดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการขยาย Non-Oil Touchpoints ให้ครบ 3,634 สาขา ภายในสิ้นปี 2568
ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศคาดว่ามีแนวโน้มฟื้นตัว จากมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนภายใต้นโยบาย "Quick Big Win" จากภาครัฐ
โดยบริษัทฯ ยังคงเป้าการเติบโตของปริมาณจำหน่ายน้ำมันปี 2568 อยู่ในกรอบ 1-3% YoY และตั้งเป้าขยายสถานีบริการให้ครบ 2,279 สถานีภายในสิ้นปี 2568 โดยมุ่งเน้นการพัฒนามาตรฐานการให้บริการและการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านระบบสมาชิก เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและความมั่นคงของส่วนแบ่งตลาดในภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงท้าทาย
"บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ด้วยการสร้างโอกาสในการทำงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต และสนับสนุนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ "อยู่ดี มีสุข" ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสนับสนุนการเติบโตขององค์กรในระยะยาว"
ขณะที่ บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า มอง slightly negative ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์ ในด้านของแรงกดดันในระยะสั้นที่มาจากแนวโน้มค่าการตลาดน้ำมันไตรมาส 4/68 ที่อาจลดลงจากไตรมาสก่อน จากแรงกดดันของต้นทุนน้ำมันที่ผันผวน ในขณะที่ภาครัฐปรับลดราคาดีเซลไปช่วงต้นไตรมาส ซึ่งอาจมีเหนือ upside จากรายได้การขยายพันธุ์ไทยที่ตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/68 เร่งต่อเนื่องจนสูงกว่าเป้าสาขาทั้งปีของบริษัทที่ 1,947 แห่งแล้ว ทั้งนี้เรามองระยะยาวโปรโมชั่นใหม่ของ Max card plus จะดึงดูดลูกค้าเพิ่มการบริโภคกาแฟมากขึ้น และมี upside ต่อ GPM
คงคำแนะนำ Buy ที่ราคาเป้าหมายปี 69 10.0 บาท/หุ้น ระยะสั้นที่มีแรงกดดันจากความกังวลค่าการตลาดน้ำมัน และทิศทางยอดขายกาแฟพันธุ์ไทยจากโปรโมชั่นใหม่ เรามองสามารถทยอยสะสมหุ้นได้ คงมุมมองระยะยาวที่คาดต้นทุนน้ำมันกลับสู่ระดับปกติ จะส่งให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลับมาเป็นบวกและลดการแทรกแซงจากภาครัฐ หนุนให้ค่าการตลาดฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติได้ หนุนธุรกิจ oil ฟื้นตัว รวมถึง Pun Thai รายได้โตก้าวกระโดด ส่งให้กำไรปกติ +18% CAGR ใน 2025-27F
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุ ยังคงประมาณการกำไรปี 68 ที่ 1 พันล้านบาท โดย 9M25 คิดเป็น 70% ของประมาณการของเรา คาดแนวโน้ม 4Q25 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้จากช่วง High Season ของการเดินทางปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ อย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งบริษัทได้มีการปรับสิทธิพิเศษของบัตร Max Card ใหม่ เพื่อความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ ตามความต้องการของลูกค้าเองได้ อย่างเช่น เดิมลด50% กาแฟพันธุ์ไทย 10 แก้วต่อเดือน เป็นลด 15 บาท 20-50 แก้ว/เดือน ซึ่งที่ผ่านมากาแฟพันธุ์ไทย ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของ Non-Oil Margin มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น บ่งบอกถึง Economy of Scale
ดังนั้นจึงคงราคาเป้าหมายปี 2026 ที่ 11.50 บาท อิง Avg PER ที่ 14 เท่า และคงคำแนะนำ Trading Buy ใน 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงไป 17% ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 ที่คาดว่าจะออกมาอ่อนตัวตามผลของฤดูกาล แต่ไตรมาส 4/68 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวเด่น