วิบากกรรม “แอน จักรพงษ์” ? หลัง “ราอูล” คู่ขาธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส โดนเม็กซิโกออกหมายจับข้อหาหนัก

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ หรือ แอน จักรพงษ์ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN หายไปไหน? หลังล่าสุดมีกระแสข่าว ทั้งสำนักข่าวต่างประเทศ และในประเทศหลายรายงานว่า ทางการเม็กซิโกออกหมายจับราอูล โรชา คานตูนักธุรกิจและเจ้าของร่วมมิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) และถือ เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ แอน จักรพงษ์

โดยกระแสข่าว ทั้งสำนักข่าวต่างประเทศ และในประเทศหลายแห่งรายงานว่า ทางการเม็กซิโกออกหมายจับราอูล โรชา คานตู นักธุรกิจและเจ้าของร่วมมิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) พร้อมพวกอีก 12 คน ในข้อหาพัวพันขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด เชื้อเพลิง และอาวุธ

อีกทั้งสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเม็กซิโกออกแถลงการณ์ว่า มีการออกหมายจับ 13 หมาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน โดยไม่มีการระบุว่า เป็นใครบ้าง อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นหลายแห่งเปิดเผยว่า หนึ่งในผู้ถูกออกหมายจับ คือนายราอูล โรชา ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส

ทั้งนี้ถือเป็นอีกประเด็นที่น่าจับตา เพราะว่า ก่อนหน้านี้มีข่าว “แอน จักรพงษ์” หอบเงินกว่า 6 พันล้านบาทไทย ไปแปลงเป็นโทเคน หรือคริปโตเคอร์เรนซี หนีไปอยู่ที่เม็กซิโก และ ได้สัญชาติเม็กซิกัน ผ่านการอนุเคราะห์ของราอูล โรชา คานตู ที่กระแสข่าวระบุว่าเป็นบุคคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ แอน จักรพงษ์

กระแสการหนีไปต่างประเทศครั้งนี้ของ แอน จักรพงษ์ มีข่าวออกมาภายหลังศาลแขวงพระนครใต้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1440/2566 ที่นายระวีวัฒน์ มาศฉมาดล (หมอเส) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง JKN และแอน จักรพงษ์ จำเลยที่ 1-2 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยจำเลยร่วมกันหลอกลวงแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกแจ้งแก่โจทก์

โดยชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยทั้ง 2 ไม่สามารถคืนเงินให้แก่โจทก์ ในวันเวลาตามที่แจ้งได้ เนื่องจากภาระทางการเงินของจำเลยที่ 1 ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ดังกล่าวได้ โดยการหลอกลวงนั้น จำเลยทั้ง 2 ได้ทรัพย์สินจากโจทก์จำนวน 30,000,000 บาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

คดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา โดยเมื่อถึงเวลานัดจำเลยที่ 2 ไม่มาศาล ไม่แจ้งเหตุขัดข้องพฤติการณ์ทำให้เห็นว่าจงใจหลบหนี ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาต่อไป