ปีนี้ไทยเจอน้ำท่วมหนัก ครอบคลุม 2.97 ล้านไร่ เพิ่มขึ้น 82.7% ภาคเกษตรเสียหาย 1.7 พันล้านบาท

ไทยยังไม่พ้นวิกฤติน้ำท่วม ล่าสุดหาดใหญ่เจอศึกหนัก ซึ่งสภาพัฒน์ รายงานสถิติน้ำท่วมช่วงไตรมาส 3/68 สร้างความเสียหายต่อภาคเกษตร ครอบคลุมพื้นที่จำนวน 2.97 ล้านไร่ เพิ่มขึ้น 82.7% คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,708.64 ล้านบาท คิดเป็น 0.11% ของมูลค่า GDP ภาคเกษตร

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานว่า ในปี 2568 ประเทศไทยต้องเผชิญสภาวะน้ำมาก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2568 ประกอบกับปริมาณฝนตกสะสมทั้งประเทศตลอดทั้งปีที่มีปริมาณสูงกว่าค่าเฉลี่ย รวมทั้งสภาพอากาศแปรปรวนจากอิทธิพลพายุมรสุม 7 ลูก ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 จนถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568)

ทั้งนี้ จากข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศจากดาวเทียมจัดเก็บโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ( GISTDA) ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 25681 พบว่ามีพื้นที่น้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่จำนวน 2.97 ล้านไร่ (สัดส่วน 0.93% ของประเทศไทย) เพิ่มขึ้น 82.7% เทียบกับพื้นที่น้ำท่วมในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 1.62 ล้านไร่ (สัดส่วน 0.51% ของประเทศไทย)

ในการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่สร้างความเสียหายต่อภาคเกษตร โดยอาศัยข้อมูลจากศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 แสดงให้เห็นว่าในไตรมาส 3/2568 มีเกษตรกร และพื้นที่ภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย แบ่งเป็น

1.หมวดพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ 120,906 ราย ลดลง 9.4% พื้นที่ได้รับผลกระทบ 0.934 ล้านไร่ ลดลง 6.9% 2. หมวดประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ 2,722 ราย ลดลง 68.3% พื้นที่ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ 3,373 ไร่ ลดลง 61.2% กระชัง 979 ตรม. ลดลง 88.1%

 และ 3.หมวดปศุสัตว์ สัตว์ได้รับ ผลกระทบทั้งสิ้น 391,091 ตัว เพิ่มขึ้น 223.8% โดยพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พ.ย. 2568) พบว่า มีทั้งสิ้น 0.934 ล้านไร่ ลดลง 6.94%

สำหรับในภาคเกษตร คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,708.64 ล้านบาท คิดเป็น 0.11% ของมูลค่า GDP ภาคเกษตร และ 0.006% ของมูลค่า GDP ในปี 2568

โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (มีพื้นที่ เกษตรที่ได้รับผลกระทบประมาณ 86,176.54 ไร่ ได้รับความเสียหายทางการเกษตรประมาณ 110.916 ล้านบาท)

2. จังหวัดนครสวรรค์ (มีพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบประมาณ 99,251.23 ไร่ ได้รับความเสียหายทางการเกษตรประมาณ 88.642 ล้านบาท)

3.จังหวัด สุพรรณบุรี (มีพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบประมาณ 53,779.00 ไร่ ได้รับความเสียหายทางการเกษตรประมาณ 81.384 ล้านบาท)

4.จังหวัดพิจิตร (มีพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบประมาณ 63,001.88 ไร่ ได้รับความเสียหายทางการเกษตรประมาณ 69.360 ล้านบาท)

และ 5. จังหวัดสุโขทัย (มีพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบประมาณ 50,149.67 ไร่ ได้รับความเสียหายทางการเกษตรประมาณ 54.633 ล้านบาท