Talk of The Town

หุ้นแบงก์ยังถูก! โบรกฯ แนะลงทุนมากกว่าตลาด แม้ภาพรวมยอดสินเชื่อต.ค.ติดลบ


24 พฤศจิกายน 2568

ยอดสินเชื่อธนาคารเดือน ต.ค. 2568 ติดลบต่อ รับแรงกดดันจากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก ส่วน TISCO- BBL โตสวน รับแรงหนุน จากสินเชื่อรายใหญ่ แต่ยังให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก ชูปันผลกลุ่มสูงถึง 7%

หุ้นแบงก์ยังถูก!_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธนาคาร สินเชื่อเดือน ต.ค. 2568 ลดลง 0.8% จากเดือนก่อน เนื่องจากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก ภาพรวมสินเชื่อเดือน ต.ค. 2568 ทั้ง 7 ธนาคารที่ cover อยู่ที่ 10.36 ล้านล้านบาท ลดลง 0.8% จากเดือนก่อน

ทั้งนี้เนื่องจากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก โดยธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากที่สุดคือ KTB ลดลง 2.6% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อภาครัฐที่ลดลงเป็นหลัก และสินเชื่อรายใหญ่ที่มีการชำระคืนเล็กน้อย ขณะที่สินเชื่อรายย่อยและ SME เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รองลงมาเป็น KKP ลดลง 1.2% จากเดือนก่อน จากทุกสินเชื่อที่ลดลงจากการชำระคืน โดยเฉพาะสินเชื่อ SME ที่ลดลงเยอะสุด

ขณะที่ธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ TISCO เพิ่มขึ้น 1.0% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่ในกลุ่ม Energy และสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตได้ทุก segment รองลงมาเป็น BBL เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก

ส่วนภาพรวมของเงินฝากเดือน ต.ค. 2568 อยู่ที่ 12.65 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนก่อน โดยธนาคารที่เงินฝากเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ KTB เพิ่มขึ้น 4.4% จากเดือนก่อน จาก CASA ของภาครัฐ ส่วนเงินฝากที่ลดลงมากที่สุดคือ KKP ลดลง 2.0% จากเดือนก่อน จากเงินฝากประจำที่ลดลงเป็นหลัก

โดยมีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อสินเชื่อในเดือน ต.ค. 2568 ที่ลดลงต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอตัวลงที่ 0.8% จากเดือนก่อน โดยเดือน ก.ย. 25 ที่ลดลง 1.0% จากเดือนก่อน ซึ่งการลดลงส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อภาครัฐ ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นได้แล้ว ส่วนสินเชื่อรายย่อยก็ยังเพิ่มขึ้นได้ดี ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ผลตอบแทนสูงอย่างบ้านแลกเงิน, สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต ด้านสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มมีการฟื้นตัวได้จากการแข่งขันที่รุนแรงน้อยลงทำให้เริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 

ขณะที่คาดว่าสินเชื่อรายใหญ่จะมี Momentum ที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 ตามฤดูกาล (เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2567 สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นได้ 0.6-1.0% จากเดือนก่อน) รวมถึงงบประมาณภาครัฐมีการอนุมัติเพิ่มเติมจะส่งผลให้มีสินเชื่อภาครัฐกลับมาเพิ่มขึ้นได้

ทั้งนี้ยังคงประมาณการสินเชื่อรวมทั้งปี 2568 ของกลุ่มไว้ที่ ลดลง 1.5% จากปีก่อน (10 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 4.3% นับจากต้นปึงปัจจุบัน

ด้าน NPL คาดว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะแต่ละธนาคารมีการตั้งสำรองฯจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีการทยอยขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาด NPL ในปี 2568 จะอยู่ที่ 3.24% จาก 3.05% ในปี 2567

ดังนั้นยังให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.72 เท่า PBV และระดับ Dividend yield ของกลุ่มที่อยู่สูงถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยยังคงเลือก KTB (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท), SCB (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 150.00 บาท) เป็น Top pick ขณะที่ TISCO และ BBL จะได้รับ sentiment เชิงบวกจากสินเชื่อที่กลับมาเพิ่มขึ้นได้ดี

สำหรับ  KTB ราคาเป้าหมายที่ 30 บาท จากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตได้ดี ประกอบกับมี Asset Quality ที่แข็งแกร่งจากการเน้นปล่อยสินเชื่อภาครัฐ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ รวมถึง KTB มี Dividend yield สูงราว 7% นอกจากนี้ยังมี Coverage ratio ที่ยังอยู่ในระดับสูงถึง 207% ด้าน valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับต่ำเพียง PBV ที่ 0.83 เท่า

ส่วน SCB ราคาเป้าหมายที่ 150 บาท  จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2568 ที่เติบโตได้โดดเด่น และมีเงินปันผลที่สูงที่สุดในกลุ่มที่ราว 8% ประกอบกับแนวโน้ม NPL มีการปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน