Talk of The Town

แตะเบรคหุ้นท่องเที่ยว! โบรกฯ ชี้ปัญหาญี่ปุ่น-จีน หนุนไม่มาก แนะ “ขาย” AAV-AOT แต่ “ซื้อ” BA


21 พฤศจิกายน 2568

ตึงเครียดระหว่างจีน–ญี่ปุ่นอาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันมาไทย แต่นักวิเคราะห์มอง ผลกระทบอาจไม่ได้มากอย่างที่คาด แนะนำ “ขาย” AOT เนื่องจากราคาเหมือนรับข่าวดีไปแล้ว แนะนำ “ขาย” AAV เนื่องจากคาดว่า AAV จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่แนะนำ “ซื้อ” BA หลังเส้นทางสมุยที่ผูกขาด และอยู่ในช่วงทบทวนคำแนะนำ THAI  เพราะราคาหุ้นปรับลงต่ำกว่าราคาเป้าหมายแล้ว

แตะเบรคหุ้นท่องเที่ยว!_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ประเมิน Air Transportation Sector ว่า มุมมองเป็นบวก แต่ยังคงระมัดระวัง โดยความตึงเครียดระหว่างจีน–ญี่ปุ่นอาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันมาไทยมากขึ้น แต่อย่างไรก็ยังต้องระวัง เพราะผลกระทบอาจไม่ได้มากอย่างที่คาด

ทั้งนี้ราคาหุ้นของกลุ่มขนส่งทางอากาศปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ที่ 5.6% สำหรับ AOT, บวก 4.3% สำหรับ BA, บวก 4.4% สำหรับ THAI และบวก 1.9% สำหรับ AAV) ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากบรรยากาศเชิงบวกที่ดีขึ้นของกลุ่ม และปัจจัยบวกเฉพาะตัวของบางหุ้น

โดยบรรยากาศในกลุ่มอุตสาหกรรมดีขึ้นตามการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย (ไตรมาส 4 และไตรมาส 1) ขณะที่การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจาก ติดลบ 8% ใน 9 เดือนปี 2568 เหลือติดลบ 4% ในเดือนตุลาคม 2568

นอกจากนี้ จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและญี่ปุ่น สายการบินของไทยคาดว่าบางส่วนของนักท่องเที่ยวจีนจะเปลี่ยนแผนการเดินทางจากญี่ปุ่นมาไทยแทน

สำหรับ AOT ความตึงเครียดจากการเจรจากับ King Power (KP) เกี่ยวกับการลดรายได้ประกันขั้นต่ำได้บรรเทาลงแล้ว ตามข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงที่ยังรอการอนุมัติจากบอร์ดในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568

นอกจากนี้ บรรยากาศยังได้รับการสนับสนุนจากข่าวที่ว่า คณะกรรมการการบินพลเรือนจะประชุมในเดือนหน้าเพื่อพิจารณาการปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC)

อย่างไรก็ตาม ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2569 ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของประเทศไทย ความพยายามของรัฐบาลจีนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นจากจุดหมายปลายทางใหม่ เช่น เวียดนาม

ดังนั้นแนะนำ “ขาย” AOT เนื่องจากราคาเหมือนรับข่าวดีไปแล้ว แม้ว่าคาดว่ารายได้ประกันขั้นต่ำของร้านค้าปลอดอากรที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ลดลงเหลือ 7 พันล้านบาท (จาก 1.5 หมื่นล้านบาท เมื่อคิงเพาเวอร์ได้รับสัมปทานในปี 2562) จะถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของ PSC ทั้งผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศเดือนละ 100 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2569 ส่งผลให้กำไรฟื้นตัวจาก  ลดลง 8% ในปี 2568 เป็นเติบโต 8% ในปี 2569 และเติบโตต่อ 21% ในปี 2570 เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่ในมุมมองของฝ่ายวิจัย มูลค่าหุ้นยังคงสูงอยู่ โดยซื้อขายที่ PE ที่ 31 เท่า ในปี 2569 และ 26 เท่า สำหรับปี 2570 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 24 เท่า

อีกทั้งแนะนำ “ขาย” AAV เนื่องจากคาดว่า AAV จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและการฟื้นตัวที่เชื่องช้าของผู้โดยสารชาวเอเชีย มูลค่าของ AAV ยังสูงที่ PE ที่ 16 เท่า ในปี 2569 เทียบกับคู่แข่งที่ PE ที่ 12 เท่า

แต่แนะนำ “ซื้อ” BA สำหรับเส้นทางสมุยที่ผูกขาด เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแข่งขันในเส้นทางอื่นๆ และซื้อขายที่ PE ที่ 6 เท่า ในปี 2569 สำหรับธุรกิจสายการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน

และอยู่ในช่วงทบทวนประมาณการกำไรและคำแนะนำ THAI (จากเดิมแนะนำ “ขาย”) เนื่องจากราคาหุ้นของ THAI ปรับลงต่ำกว่าราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย