แตะเบรคหุ้นท่องเที่ยว! โบรกฯ ชี้ปัญหาญี่ปุ่น-จีน หนุนไม่มาก แนะ “ขาย” AAV-AOT แต่ “ซื้อ” BA
ตึงเครียดระหว่างจีน–ญี่ปุ่นอาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันมาไทย แต่นักวิเคราะห์มอง ผลกระทบอาจไม่ได้มากอย่างที่คาด แนะนำ “ขาย” AOT เนื่องจากราคาเหมือนรับข่าวดีไปแล้ว แนะนำ “ขาย” AAV เนื่องจากคาดว่า AAV จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่แนะนำ “ซื้อ” BA หลังเส้นทางสมุยที่ผูกขาด และอยู่ในช่วงทบทวนคำแนะนำ THAI เพราะราคาหุ้นปรับลงต่ำกว่าราคาเป้าหมายแล้ว

นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ประเมิน Air Transportation Sector ว่า มุมมองเป็นบวก แต่ยังคงระมัดระวัง โดยความตึงเครียดระหว่างจีน–ญี่ปุ่นอาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันมาไทยมากขึ้น แต่อย่างไรก็ยังต้องระวัง เพราะผลกระทบอาจไม่ได้มากอย่างที่คาด
ทั้งนี้ราคาหุ้นของกลุ่มขนส่งทางอากาศปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ที่ 5.6% สำหรับ AOT, บวก 4.3% สำหรับ BA, บวก 4.4% สำหรับ THAI และบวก 1.9% สำหรับ AAV) ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากบรรยากาศเชิงบวกที่ดีขึ้นของกลุ่ม และปัจจัยบวกเฉพาะตัวของบางหุ้น
โดยบรรยากาศในกลุ่มอุตสาหกรรมดีขึ้นตามการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย (ไตรมาส 4 และไตรมาส 1) ขณะที่การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจาก ติดลบ 8% ใน 9 เดือนปี 2568 เหลือติดลบ 4% ในเดือนตุลาคม 2568
นอกจากนี้ จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและญี่ปุ่น สายการบินของไทยคาดว่าบางส่วนของนักท่องเที่ยวจีนจะเปลี่ยนแผนการเดินทางจากญี่ปุ่นมาไทยแทน
สำหรับ AOT ความตึงเครียดจากการเจรจากับ King Power (KP) เกี่ยวกับการลดรายได้ประกันขั้นต่ำได้บรรเทาลงแล้ว ตามข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงที่ยังรอการอนุมัติจากบอร์ดในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568
นอกจากนี้ บรรยากาศยังได้รับการสนับสนุนจากข่าวที่ว่า คณะกรรมการการบินพลเรือนจะประชุมในเดือนหน้าเพื่อพิจารณาการปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC)
อย่างไรก็ตาม ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2569 ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของประเทศไทย ความพยายามของรัฐบาลจีนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นจากจุดหมายปลายทางใหม่ เช่น เวียดนาม
ดังนั้นแนะนำ “ขาย” AOT เนื่องจากราคาเหมือนรับข่าวดีไปแล้ว แม้ว่าคาดว่ารายได้ประกันขั้นต่ำของร้านค้าปลอดอากรที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ลดลงเหลือ 7 พันล้านบาท (จาก 1.5 หมื่นล้านบาท เมื่อคิงเพาเวอร์ได้รับสัมปทานในปี 2562) จะถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของ PSC ทั้งผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศเดือนละ 100 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2569 ส่งผลให้กำไรฟื้นตัวจาก ลดลง 8% ในปี 2568 เป็นเติบโต 8% ในปี 2569 และเติบโตต่อ 21% ในปี 2570 เมื่อเทียบกับปีก่อน
แต่ในมุมมองของฝ่ายวิจัย มูลค่าหุ้นยังคงสูงอยู่ โดยซื้อขายที่ PE ที่ 31 เท่า ในปี 2569 และ 26 เท่า สำหรับปี 2570 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 24 เท่า
อีกทั้งแนะนำ “ขาย” AAV เนื่องจากคาดว่า AAV จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและการฟื้นตัวที่เชื่องช้าของผู้โดยสารชาวเอเชีย มูลค่าของ AAV ยังสูงที่ PE ที่ 16 เท่า ในปี 2569 เทียบกับคู่แข่งที่ PE ที่ 12 เท่า
แต่แนะนำ “ซื้อ” BA สำหรับเส้นทางสมุยที่ผูกขาด เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแข่งขันในเส้นทางอื่นๆ และซื้อขายที่ PE ที่ 6 เท่า ในปี 2569 สำหรับธุรกิจสายการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน
และอยู่ในช่วงทบทวนประมาณการกำไรและคำแนะนำ THAI (จากเดิมแนะนำ “ขาย”) เนื่องจากราคาหุ้นของ THAI ปรับลงต่ำกว่าราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย
ยอดนิยม
โบรกฯเกอร์เลือดสาด งบ 9 เดือน ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ รายได้-กำไรลด เซ่นพิษวอลุ่มเทรดต่ำ
แตะเบรคหุ้นท่องเที่ยว! โบรกฯ ชี้ปัญหาญี่ปุ่น-จีน หนุนไม่มาก แนะ “ขาย” AAV-AOT แต่ “ซื้อ” BA
MINT ซุ่มแผนตั้งกอง REIT เล็ง IPO ธุรกิจ Minor Food ลดหนี้ แย้มแผนซื้อหุ้นคืน หากราคาร่วงอีก