Talk of The Town

PTT ไตรมาส 3 โตแรง! ฟันกำไร 19,784 ล้านบาท ทะยาน 21.2% โบรกฯ ชี้ Q4 พุ่งต่อ ลุ้นปีนี้โกย 9.3 หมื่นล้าน


13 พฤศจิกายน 2568

PTT ประกาศงบไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 19,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% หลังบันทึกกำไรจากสต๊อกนํ้ามันสุทธิ กับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ และกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ TOP และ GC โบรกฯ ชี้ไตรมาส 4 ทะยานต่อ แรงหนุนอีกเพียบ ดันปี 68 กำไรพุ่ง 9.3 หมื่นล้านบาท ชูเป็นแหล่งพักเงินชั้นดี ในภาวะตลาดผันผวน

PTT ไตรมาส 3 โตแรง!_S2T (เว็บ)_0.jpg

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 19,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% จากไตรมาส 3/2567 ตาม EBITDA ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ มีการรับรู้ Non-recurring Items สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นผลกำไรประมาณ 900 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ TOP และ GC ขณะที่ในไตรมาส 3/2567 มีผลขาดทุนประมาณ 9,500 ล้านบาท โดยหลักจากส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (PTTAC) จากการด้อยค่าสินทรัพย์

ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2568 มี EBITDA จำนวน 85,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากไตรมาส 3/2567 โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจการกลั่นเพิ่มขึ้นเนื่องจากในไตรมาสนี้มีกำไรจากสต๊อกนํ้ามันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ โดยในไตรมาส 3/2568 มีกำไรประมาณ 1,700 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 3/2567 มีผลขาดทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท รวมทั้ง Market GRM เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายลดลง

ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานลดลงโดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของกลุ่มโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลประกอบการลดลงโดยหลักจากรายได้จากการขายที่ลดลงตามราคานํ้ามันที่ลดลงตามราคาตลาดโลก ประกอบกับกลุ่มธุรกิจก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯและธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ตามปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง

โดยไตรมาส 3/2568 มีรายได้จากการขายจำนวน 646,689 ล้านบาท ลดลงจำนวน 115,169 ล้านบาท หรือ 15.1% จากไตรมาส 3 ปี 2567 โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และกลุ่มธุรกิจนํ้ามันและการค้าปลีก จากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายที่ลดลง

อีกทั้งกลุ่มธุรกิจก๊าซฯ มีรายได้จากการขายลดลง โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ ที่ปริมาณขายเฉลี่ยปรับลดลง จากกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าที่ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ (New Shippers) ที่มีการนำเข้า LNG เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยปรับลดลงตามราคา Pool Gas และราคาขายเฉลี่ยให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปรับลดลงตามราคาอ้างอิง รวมถึงธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีรายได้ลดลงจากราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลดลงตามราคาปิโตรเคมีที่ใช้อ้างอิง ประกอบกับปริมาณขายผลิตภัณฑ์รวมลดลง จากผลิตภัณฑ์ LPG และ Propane ตามความต้องการของลูกค้าที่ลดลง

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ใกล้เคียงตลาดคาด โดยคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 37.50 บาท

สำหรับไตรมาส 4/2568 แม้ความต้องการใช้ก๊าซมีแนวโน้มลดลงตามปัจจัยฤดูกาล และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อาจทำให้เกิดขาดทุนสต็อกน้ามัน

อย่างไรก็ตามคาดผลประกอบการไตรมาส 4/2568 จะปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจาก 1. ปริมาณจำหน่ายของโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำหนดการหยุดซ่อมบำรุงลดลง

2. ต้นทุน Pool gas ต่ำลง 3. ผลการดำเนินงานหลักของธุรกิจการกลั่นเร่งตัวตามทิศทาง Crack spread น้ำมันสำเร็จรูปที่พุ่งขึ้นจากอุปทานในตลาดตึงตัว รวมทั้งการกลับมาผลิตของหน่วยกลั่นที่ 3 ของ TOP ที่ปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในไตรมาส 3/2568 4. การรับรู้กำไรประเมินมูลค่ายุติธรรม (FV) หลังเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนเพื่อเตรียมลดสัดส่วนหุ้น LOTUS ราว 8 พันล้านบาท 

ดังนั้นPTT เป็นตัวเลือกสำหรับการพักเงินในภาวะตลาดผันผวนได้ดี เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจกระจายตัว และมีกลยุทธ์การบริการจัดการภายใน (ปรับ Portfolio, เพิ่มประสิทธิภาพ, เสริมสร้างความสามารถการแข่งขัน, การทำ Asset monetization) ทำให้ผลประกอบการมีเสถียรภาพ ฐานะการเงินมั่นคง และสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ (ช่วงแพร่ระบาด COVID ปี 2563 และ Shale Oil ปี 2557-58 บริษัทฯ สามารถสร้างกำไรเป็นบวกได้ตลอด และจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอที่ 1.00 2.10 บาท/หุ้น) ราคาปัจจุบันมี Dividend Yield สูงกว่า 6%

PTT