WORK-ONEE ผลงานสุดปัง! ผงะ! BEC แทงสวน งบดิ่งแรง จับตา Q4 ฟื้น! บุ๊กกำไร “ธี่หยด” 40-50 ลบ.

ผ่านไปแล้วสำหรับการประกาศงบ 3 หุ้นสื่อชื่อดังของไทย แต่ที่น่าสนใจพบว่า บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK และบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE รายงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ในฝั่งของค่ายใหญ่อย่าง บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC กลับรายงานผลประกอบออกมาไม่สวยงาม

โดยไตรมาส 3/2568 WORK มีกำไรสุทธิ 34.58 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 17.34 ล้านบาทแม้ว่ารายได้รวมในไตรมาสนี้จะลดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของรายได้ในธุรกิจรายการโทรทัศน์ อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ แต่กำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นเกิดจาก การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับโครงสร้างองค์ที่ดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้บริษัทมีความคล่องตัวและสามารถรักษาระดับผลกำไรตามเป้าหมาย

ขณะที่ ONEE มีกำไรสุทธิ 203.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นโดดเด่น 135.30% จากไตรมาสก่อน จากความสามารถในการสร้างรายได้ และบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้อุตสาหกรรมที่มีความท้าทาย  โดยมีรายได้รวม 2,007.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.83% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Idol Marketing เติบโตโดดเด่น ทำได้ 996.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  และเพิ่มขึ้น 23.68% จากไตรมาสก่อน จากความสามารถในการบริหารจัดการศิลปินอย่างโดดเด่น ทั้งรูปแบบศิลปินจริง, ศิลปินแบบ Mascott รวมทั้งสามารถจัด Event ได้ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

อีกทั้งยังมุ่งเน้นการจำหน่าย Merchandise ซึ่งเป็นที่ต้องการของแฟนคลับ และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง ถือได้ว่ากลุ่มบริษัทเป็นผู้นำอันดับต้นๆของประเทศไทยในการขับเคลื่อนเทรนด์ดังกล่าวอย่างแท้จริง

แต่ที่น่าสนใจอย่างฝั่ง BEC มีกำไรสุทธิ 36.7 ล้านบาท ลดลง 20% จากใครมาส 3/2567 ตามการลดลงของรายได้โฆษณา 106 ล้านบาท ลดลง 13% อันเป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางจากหลายปัจจัย กดดันให้ผู้ประกอบการลดงบโฆษณา แต่การเพิ่มสัดส่วนรายใต้จากธุรกิจใหม่และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนป่วยลดลดผลกระทบจากผลดำเนินงานจากรายได้โฆษณาที่หดตัว อย่างไรก็ดี ผลประกอบการเพิ่มขึ้น 76.1% จากไตรมาส 2/256568 แม้รายได้จากการดำเนินงานลดลง สะท้อนถึงความสามารถบริหารตันทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่บริษัทฯ มีรายได้จากการให้ไข้ลิขสิทธิ์และบริการอื่น ประกอบด้วยรายได้จากสามธุรกิจหลัก คือ รายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายละครไปต่างประเทศ (Globobal Content Licensing) ธุรกิจดีจึงโลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) และธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปีน (Events & Artist Management) รวมกันอยู่ที่ 268.2 ล้านบาท (คิดเป็นรายได้ 27.3% ของรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่ม BEC) เพิ่มขึ้น 7.7%จากไตรมาส 3/2567 ตามแผนธุรกิจในการขยายได้จากธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากธุรกิจโทรทัศน์ที่เป็นธุรกิจหลัก แต่ลดลง 7.1% จากไตรมาส 2/2568 จากธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน เนื่องจากจำนวนงาน Fan Meet ด่างประเทศ น้อยกว่าไตรมาสก่อน

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มอง BEC ว่า ขณะนี้ เปลี่ยนคำแนะนำเป็น Reduce (เดิม Neutral) ราคาเป้าหมายใหม่ 1.67 บาท โดยตลาดมีแนวโน้มปรับลดกำไรและราคาเป้าหมายลงหลังกำไร 9 เดือนปี 2568 ต่ำกว่าคาด และภาพยนตร์ “ธี่หยด3” ไม่แรงอย่างที่คาด ธุรกิจหลักรายได้ค่าโฆษณาสื่อทีวี (72% ของรายได้) มีแนวโน้มหดตัวและไม่แน่นอนจากสัมปทานที่จะสิ้นสุดในปี 2572 (กสทช.อยู่ระหว่างทำ Road Map คาดแล้วเสร็จในปีนี้) อย่างไรก็ดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง Int D/E ratio เพียง 0.2 เท่า และอยู่ในสถานะเงินสดสุทธิ (หลังหักหนี้สิน) เกือบ 3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 1.40 บาท/หุ้น

แต่แนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดกำไรฟื้นจากไตรมาสก่อน จากส่วนแบ่งกำไรจากภาพยนตร์ “ธี่หยด3” (รายได้ทั่วประเทศราว 400 ล้านบาท) ราว 40-50 ล้านบาท หนุนผลประกอบการที่ธุรกิจหลักได้รับผลกระทบจากบรรยากาศชะลอตัวของอุตฯ สื่อและบันเทิง

อย่างไรก็ตาม รายได้ภาพยนต์ “ธี่หยด3” ต่ำกว่าคาด (เดิมคาดทำได้ใกล้เคียงภาค 2 ที่ 800 ล้านบาท) และการชะลอตัวของอุตฯ สื่อและบันเทิงช่วงปลายปี 2568 จึงปรับลดกาไรสุทธิปี 2568-70 ลง 40% ถึง 46% จากการปรับลดรายได้ค่าโฆษณาลง 3% ถึง 4% และปรับลดส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัทร่วมลง 50% ถึง 55% คาดกำไรปกติปี 2568  ใหม่ที่ 142 ล้านบาท ลดลง 54% จากปีก่อน ตามรายได้ค่าโฆษณาลดลง 16% และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง 56% และคาดกำไรปกติปี 2569 ที่ 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%จากปีก่อน