จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : LEO ผู้เชี่ยวชาญโลจิสติกส์ครบวงจร รับผลบวกไทยปฏิรูประบบขนส่งทางราง ช่วยผลักดันผลงานเติบโตต่อเนื่อง


10 พฤศจิกายน 2568

การยกเครื่องระบบขนส่งทางรางของประเทศ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์แล้ว ยังกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งสนับสนุนผลงานการเติบโตของ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ให้ต่อเนื่องและยั่งยืน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโล

LEO รายงานพิเศษ_S2T (เว็บ)_0.jpg

บล. เกียรตินาคินภัทร (KKP) ระบุว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการยกเครื่องระบบรางรถไฟครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งถือเป็น "การปฏิรูประบบรางแห่งชาติ" ที่จะเปลี่ยนโฉมการขนส่งของประเทศทั้งระบบ โครงการนี้ครอบคลุมการสร้างรางคู่ทั่วประเทศและการออกกฎหมายใหม่ที่เปิดทางให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์เสริมศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจและกระตุ้นรายได้ของเมืองรองและชุมชนเล็ก ๆ ตามแนวเส้นทางรถไฟ

การลงทุนในโครงการรางคู่ทั่วประเทศ วงเงินรวมกว่า 285,000 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจน คาดว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้ประมาณ 0.27-0.30% ต่อปีในช่วงก่อสร้าง ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปี และเมื่อโครงการแล้วเสร็จระบบรางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้กับภาคธุรกิจทั่วประเทศ

ด้านสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประเมินว่า การขนส่งทางรางมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่าการขนส่งทางถนนถึง 4.3 เท่าหรือคิดเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 570 บาทต่อตันของสินค้าหากสามารถเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางขึ้น 10% จากถนนจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศได้กว่า 49,000 ล้านบาทต่อปี หรือราว 0.27% ของGDP

นอกจากผลทางเศรษฐกิจโดยตรง การขยายรางคู่และการเปิดเสรีระบบรางยังมีผลเชิงบวกในระยะยาวทั้งการสร้างงานในพื้นที่ก่อสร้าง การกระตุ้นธุรกิจขนาดเล็กในเมืองรองการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศ เพราะรถไฟสามารถขนส่งสินค้าได้ไกลกว่าและประหยัดน้ำมันมากกว่ารถบรรทุก 3-4 เท่า จึงช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและลดการปล่อยคาร์บอนได้ในเวลาเดียวกัน

เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว โครงการรางคู่จึงไม่เพียงเป็นการลงทุนด้านคมนาคมเท่านั้นแต่ยังเป็น "แรงขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจไทย"ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการแข่งขันในระยะยาว และปูทางให้ไทยเข้าสู่ระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่มีต้นทุนต่ำและยั่งยืนมากขึ้น

การพัฒนาการด้านระบบขนส่งทางรางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก (End - to - End Global Logistics Services) และให้บริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร โดยนายเกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจรายได้บริษัทฯ ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากการขนส่งทางรางที่บริษัทในกลุ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในช่วง H1/2568 มีรายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง 151.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 576 จาก H1/2567

โดยบริษัท LaneXang Express ซึ่งเป็นบริษัทร่วมสามารถทำรายได้ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 19.7 ล้านบาทเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568 และบริษัท Sritrang Leo Multimodal Logistics มีรายได้จากการขนส่งทางรางภายในประเทศ 57.6 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2568 อีกทั้งบริษัท Logicam LEO (Cambodia) Co., Ltd. ที่เป็นบริษัทร่วมในประเทศกัมพูชา ก็สามารถสร้างรายได้และกำไรขั้นต้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายได้ในไตรมาสที่ 2/2568 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2568

นอกจากนี้ธุรกิจ Self-Storage และลานจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ก็มีการเติบโตทางรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2568 และเติบโตขึ้นถึงร้อยละ20 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2567 โดยบริษัท YJC Depot Services ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์สามารถเพิ่มรายได้ในไตรมาส 2/2568 ขึ้นถึงร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568 และเพิ่มขึ้นร้อยละ100 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 ในส่วนของธุรกิจ LEO Coldbotic ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าอัจฉริยะสำหรับไวน์ รวมทั้งการส่งออกสินค้าทุเรียนไปยังประเทศจีนโดยบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ก็เริ่มมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง

“ทิศทางในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นในไตรมาส 3/2568 และไตรมาส 4/2568 ภายหลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีการประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ที่ชัดเจน อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจ Green Logistics โดยใช้รถ EV Truck เพื่อให้บริการกับลูกค้าของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการให้บริการในลักษณะ Sustainable Logistics ที่ลดภาวะโลกร้อน และมีการจัดทำ Carbon Emission Statement ตามหลัก ISO 14067 ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/2568

บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ๆทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยสร้างรายได้ของบริษัทฯให้เติบโตมากขึ้น” นายเกตติวิทย์ กล่าว

LEO