Talk of The Town

ลุ้น PTG งบ Q3/68 โตแรง โบรกฯ คาดกำไร 205 ลบ. พุ่ง 193% ยอดขายกาแฟพันธุ์ไทยหนุน


10 พฤศจิกายน 2568

PTG โบรกฯ คาดกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 205 ล้านบาท โต 193% หลังอัตรากำไรน้ำมันเพิ่ม-ยอดขายกาแฟพันธุ์ไทยโตพร้อมมองกำไรไตรมาส 4/68 จะทำจุดสูงสุดของปีก่อน โดยกาแฟพันธุ์ไทยเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก

ลุ้น PTG_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า PTG มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 ในวันที่ 13 พ.ย. โดยคาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 193% จากช่วงเดียวกัน คาดได้แรงหนุนจากอัตรากำไรน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 3% เป็น 1.7 บาท/ลิตร และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ non-oil ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่มีปริมาณการขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโตราว 45% ในไตรมาส 3/68 เทียบกับราว 35% ในไตรมาส 3/67

แต่อย่างไรก็ตาม กำไรไตรมาส 3/68 หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าลดลง 34% โดยการลดลงจากไตรมาสก่อน มาจากปริมาณการขายน้ำมันที่ลดลง 6% ตามอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงตามฤดูกาล

พร้อมกันนี้คาดว่ากำไรของ PTG ในไตรมาส 4/68 จะเพิ่มขึ้นทั้งช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อน และจะเป็นกำไรสูงสุดของปี โดยการเติบโตจากช่วงเดียวกัน มาจากสัดส่วนกำไรของธุรกิจ non-oil ที่เพิ่มขึ้น โดยมีร้านกาแฟพันธุ์ไทยเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก

ขณะที่การเติบโตจากไตรมาสก่อน มาจากช่วงวันหยุดยาว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นปริมาการขายของทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ non-oil ให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็นประมาณ 68% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ของเรา ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นไปได้ จึงคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ระดับ 1 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) มีบทบาทมากขึ้นในการทำกำไรของ PTG ซึ่งสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ non-oil เพิ่มขึ้นเป็น 34% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 จาก 25% ในปี 2567 โดยส่วนใหญ่มาจากการเร่งขยายสาขาของร้านกาแฟพันธุ์ไทย โดยเปิดสาขาใหม่ 539 สาขาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เทียบกับ 244 สาขาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567

ดังนั้น คาดว่าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ non-oil จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ประกาศสิทธิประโยชน์ใหม่ของ PT Max Card Plus สำหรับสมาชิกที่ลงทะเบียนหลังวันที่ 1 พ.ย. 2568 โดยเปลี่ยนสิทธิประโยชน์จากส่วนลด 50% สำหรับ 10 แก้วต่อเดือน เป็นส่วนลดแก้วละ 15 บาท สำหรับ 20 หรือ 50 แก้วต่อเดือน ขึ้นอยู่กับการเลือกรับส่วนลดน้ำมัน 0.5 บาท/ลิตร ที่ 200 หรือ 100 ลิตรต่อเดือน โดยเราเชื่อว่าสิทธิประโยชน์ใหม่นี้จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและปริมาณการขายของธุรกิจ non-oil ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อส่วนแบ่งกำไรสุทธิ

ทั้งนี้ เนื่องจากได้ปรับปีฐานการประเมินมูลค่าจากกลางปี 2569 เป็นสิ้นปี 2569 และปรับเป้าหมาย P/E ขึ้นจาก 9 เท่า เป็น 11 เท่า เพื่อสะท้อนสัดส่วนกำไรและศักยภาพการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ non-oil ของ PTG (คำนวณจาก PER 9 เท่าสำหรับธุรกิจน้ำมัน

และ 17 เท่าสำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ non-oil ที่ 70:30) จากอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นรวม (TSR) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 18% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PTG โดยมีปัจจัยหนุนจากบัตร PT Max Card Plus รูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรรวมของบริษัทอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

PTG