BANPU เดินเกมใหญ่รวบ BPP คืนบ้าน ปูทางสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด รายย่อยจุก! ซื้อคืน13บ.ต่ำกว่าไอพีโอ-ต่ำบุ๊ก
Mr.Data_0.jpg)
หลังจากแยกบริษัทลูก “บ้านปู เพาเวอร์” ออกมาระดมทุนตั้งแต่ปี 2559 ที่ราคาไอพีโอ 21 บาท ล่าสุดกลุ่มบ้านปูประกาศเดินเกมควบรวมกลับเข้ากลุ่มอีกครั้งในราคาเสนอซื้อ 13 บาทต่อหุ้น สร้างเสียงวิจารณ์ทั้งด้านกลยุทธ์และความเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย ขณะที่นักวิเคราะห์มองดีลนี้เป็น “จิ๊กซอว์สำคัญ” ในการปูทางสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดของกลุ่ม BANPU ในระยะยาว
BANPU เดินเกมรวบหุ้น BPP
BPP ถูกเสนอซื้อคืน (Tender Offer) ที่ราคาเพียง 13 บาทต่อหุ้น ภายใต้แผนควบรวมกิจการระหว่าง BANPU และ BPP เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ โดยทั้งสองจะสิ้นสภาพนิติบุคคลเดิม และโอนสินทรัพย์ไปอยู่ใน “NewCo” ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวม
ดีลดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวสำคัญของกลุ่มบ้านปู ซึ่งอยู่ระหว่างขายสัดส่วนบางส่วนในธุรกิจไฟฟ้าของ BPP ให้กับพันธมิตร BKV เพื่อเสริมสภาพคล่องและจัดโครงสร้างเงินทุนใหม่ โดยบริษัทชี้ว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็น “การลีนองค์กร” เพื่อลดความซับซ้อนและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดตามกลยุทธ์ Greener & Smarter
อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้ถือหุ้นรายย่อยของ BPP มองว่าราคาเสนอซื้อ 13 บาท ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานและทุนเดิมกว่า 38% เมื่อเทียบกับราคา IPO และยังให้พรีเมียมเพียงเล็กน้อยจากราคาตลาดก่อนประกาศดีล (12.80 บาท) จึงเกิดข้อกังขาว่าเป็นการรวบหุ้นคืนในจังหวะราคาต่ำ เพื่อเตรียมสานต่อแผนยุทธศาสตร์ในมือกลุ่มแม่
BANPU ได้ประโยชน์อะไร?
นักวิเคราะห์มองว่า BANPU จะได้รับประโยชน์เชิงกลยุทธ์จากดีลนี้หลายด้าน ได้แก่ 1.รวมศูนย์การบริหารธุรกิจพลังงานทั้งหมดในเครือ ทำให้ตัดสินใจลงทุนหรือระดมทุนได้รวดเร็วขึ้น 2.ปลดล็อกมูลค่า (Unlock Value) ของกลุ่มพลังงานไฟฟ้าที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายบริษัท ให้ตลาดประเมินมูลค่าได้ชัดขึ้น 3.ลดความซ้ำซ้อนของต้นทุนและโครงสร้างการถือหุ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ BANPU และ BPP ถือร่วมกัน 4.เพิ่มอำนาจควบคุม จากเดิมที่ถือหุ้นใน BPP ประมาณ 78.7% ให้สามารถกำหนดทิศทางธุรกิจพลังงานได้เต็มรูปแบบ
เปิดผลงานย้อนหลัง BPP-BANPU
BPP รายได้รวมย้อนหลัง (2565-H1 2568) 25,406.65 ล้านบาท 31,151.84 ล้านบาท 26,722.89 ล้านบาท และ 14,213.50 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,738.68 ล้านบาท 5,319.20 ล้านบาท 1,746.32 ล้านบาท และ 1,846.29 ล้านบาท
BANPU มีรายได้รวมย้อนหลัง (2565-H1 2568) 275,263.44 ล้านบาท 184,087.65 ล้านบา 186,067.04 ล้านบาท และ 86,237.37 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 40,518.97 ล้านบาท 5,434.06 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 682.42 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 1,427.80 ล้านบาท
โดยปี 2565–2566 BANPU อยู่ในช่วงกำไรสูงสุดจากวิกฤตพลังงานโลก แต่ปี 2567 เริ่มชะลอตัว ขณะบริษัทเร่งลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า
การรวมกิจการจึงถูกมองว่าเป็น “ทางลัด” ของ BANPU ในการปรับโครงสร้างให้เหมาะกับโลกหลังถ่านหิน
...แต่สำหรับผู้ถือหุ้น BPP ที่ยังถือหุ้นตั้งแต่วัน IPO ผลตอบแทนในรูปตัวเงินกลับติดลบกว่า 38% หากยอมขายตามราคาเสนอซื้อ และถือว่าต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น ของ BPP ซึ่งอยู่ในระดับสูงถึง 16.22 บาท
นักลงทุนมองเกมรวบพอร์ต
นักลงทุนบางส่วนมองว่าดีลนี้คือ “เกมรวบพอร์ต” เพื่อเตรียมสร้างมูลค่าใหม่ในบริษัทแม่หลังรวมกิจการ โดยรายย่อยอาจได้เพียงผลตอบแทนชั่วคราวระยะสั้น ขณะที่ผลประโยชน์หลักตกอยู่ในมือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่จะได้ฐานสินทรัพย์พลังงานสะอาดกลับมาเต็มตัว
ควบ BANPU–BPP เสริมแกร่ง
โบรกฯหลายแห่งให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า การควบรวม BANPU–BPP เป็น “ทิศทางเชิงบวกต่อกลุ่มบ้านปู” เพราะช่วยลดโครงสร้างซับซ้อนและเพิ่มมูลค่าในระยะยาว แต่เตือนนักลงทุนรายย่อยให้พิจารณาเอกสารเสนอซื้อและรายงานความเป็นธรรม ก่อนตัดสินใจรับข้อเสนอ
...ดีลนี้สะท้อนการเดินเกมเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มบ้านปู เพื่อปรับโครงสร้างเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยต้องพิจารณาผลตอบแทนอย่างรอบคอบ