Talk of The Town

SSP เดินหน้าขยายกำลังผลิตไฟฟ้า สร้างการเติบโตในระยะยาว


07 พฤศจิกายน 2568

ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนชั้นนำอย่างบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เริ่มเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากนักวิเคราะห์มองปี 2569 จะเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่น

SSP-เดินหน้าขยายกำลังผลิตไฟฟ้า_S2T-(เว็บ).jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปรับคำแนะนำจาก “TRADING” เป็น “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว โดยปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4.80 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER 2569 เพียง 6.4 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ราว 10-15 เท่า และเมื่อประกอบกับแนวโน้มกำไรที่คาดผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้ว และเริ่มเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัว รวมถึงการได้ประโยชน์จากโครงการโซลาร์ชุมชน 1,500 MW ทำให้มองว่าหุ้นมี Downside อีกไม่มากแล้ว

ทั้งนี้เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2568 ที่ระดับ 220 - 240 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนต่อเนื่อง และคาดเป็นจุดสูงสุดของปี เพราะได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในไทยและเวียดนาม รวมถึงการรับรู้รายได้โครงการ SPN ที่สูงขึ้น หลังเสร็จสิ้นการ Repowering ครบทั้งโครงการในไตรมาส 4/2568 อีกทั้งยังมีการเริ่มรับรู้รายได้จาก โครงการ Leo 2 ขณะที่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรปกติยังคงลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อนตามผลกระทบของสัญญา Adder ของโครงการ SPN ที่หมดอายุลง

หากมองไปปี 2569 คาดกำไรปกติสามารถกลับมาเติบโตได้จากปีก่อนหน้า เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จากการรับรู้รายได้หลังทำ Repowering ของโครงการ SPN และโครงการ Leo 2 (SCOD ในไตรมาส 4/68) แบบเต็มปี รวมถึงคาดไม่มีการปิดซ่อมสายส่งไฟฟ้าของโครงการลมในเวียดนามเหมือนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ดังนั้นจึงคาดปี 2569 จะมีกำไรอยู่ที่ 691 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อนหน้า

ด้านบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ SSP ที่ระดับ “BBB+” และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันที่ระดับ “AAA” ซึ่งสะท้อนอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) (อันดับเครดิต “AAA/Stable”*) โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่”

ทั้งนี้บริษัทยังคงมีแผนการขยายกำลังการผลิตอย่างมีนัยสำคัญผ่านการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าหลากหลายประเภท ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานขยะ ซึ่งกระจายอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนาโครงการตามแผนดังกล่าว คาดว่าจะช่วยผลักดันให้กำลังการผลิตสุทธิรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 690 เมกะวัตต์ภายในปี 2571

โดยจะเริ่มต้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 22 เมกะวัตต์ ซึ่งมีเป้าหมายจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2568 ตามมาด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์ขนาด 150 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในประเทศไทย 2 โครงการ (ขนาด 19.8 เมกะวัตต์)

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่ในประเทศไทย 3 โครงการ รวมกำลังการผลิต 158.8 เมกะวัตต์ พร้อมด้วยโครงการพลังงานหมุนเวียนในไต้หวันอีก 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 55 เมกะวัตต์

ในประมาณการกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาดังกล่าวจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ตามแผนและทันเวลา ทริสเรทติ้งจึงคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.4-3.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2570 ก่อนจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาทในปี 2571 ส่งผลให้ประมาณการ EBITDA จะอยู่ที่ราว 2.5-2.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2570 และเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 พันล้านบาทในปี 2571

นอกจากนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.7-1.9 พันล้านบาทต่อปีในช่วงแรก ไปอยู่ที่ประมาณ 3.4 พันล้านบาทในปี 2571 การเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างมีนัยสำคัญนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเริ่มดำเนินการของโครงการใหม่ดังกล่าว

SSP-เดินหน้าขยายกำลังผลิตไฟฟ้า.jpg

SSP