รายงานพิเศษ : PTG ท่องเที่ยวปลายปีหนุน การเดินทางกระตุ้นยอดขาย น้ำมัน-กาแฟ โตก้าวกระโดด
สภาพอากาศที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปี และปีนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านโครงการเที่ยวดีมีคืน  ก็จะทำให้การตัดสินใจเดินทางทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ที่จะเติบโตก้าวกระโดด จากยอดขายของทั้งน้ำมัน และผลิตภัณฑ์ร้านพันธุ์ไทย
 
บล.กรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)   โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 3/68 อยู่ที่ประมาณ 203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 193%จากปีก่อน ลดลง 35% จากไตรมาสก่อน
สำหรับสาเหตุที่ฟื้นตัวจากปีก่อน เพราะได้แรงหนุนจาก 1.ฝั่ง Oil ที่ ปริมาณขายน้ำมันราว 1,610 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน โตตามการขยายสาขา และค่าการตลาดฯ ที่ 1.68 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น2% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ฟื้นตัวจากแรงกดดันของภาครัฐที่ลดลง
2. Non-oil ที่ฟื้นตัวนำโดย Pun Thai ที่รายได้ เพิ่มขึ้น160% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อน มาที่ราว 1,490 ล้านบาท เมื่อเที่ยบกับการขยายสาขา เพิ่มขึ้น 67% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน มาที่1,886 แห่ง) ส่วนการลดลงจากไตรมาสก่อน มาจาก
1) ปัจจัยฤดูกาลที่ช่วงหน้าฝนส่งให้ ธุรกิจ Oil ปริมาณขายลดลง ซึ่งค่าการตลาดฯที่ฟื้นเล็กน้อย ไม่พอชดเชย
2) ส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ เพื่มขึ้น 20% จากปีก่อน ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน ลดลงตามธุรกิจ Palm complex ที่เป็น low season ทั้งนี้ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่ม q-q ในอัตราที่ลดลง แม้การเปิด Pun Thai ยังเร่ง
ซึ่งหากกำไรปกติไตรมาส 3/68 เป็นไปตามคาด กำไร 9 เดือนปี 68 จะคิดเป็นราว 50% ของกำไรปีที่ 1,419 ลบ. เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน ประมาณการเรามี downside ราว -300 ล้านบาท หรือ -0.18 บาท/หุ้น จากค่าการตลาดฯที่ฟื้นช้ากว่าคาด โดยงวด 9 เดือนปี 68 ราว 1.65 บาท/ลิตร เมื่อเทียบกับ ประมาณการปีที่ 1.73 บาท/ลิตร
การฟื้นตัวช้าของค่าการตลาดฯมาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงที่รัฐเร่งเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งแนวโน้มจะดีขึ้นในปี 69 และ downside ข้างต้นไม่ได้เปลี่ยนทิศทางการฟื้นตัวใน ปี 68 ทั้งนี้เราคาดไตรมาส 4/68 กำไรจะโตทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หนุนจากค่าการตลาดฯที่ฟื้นตัว, รายได้ Pun Thai เพิ่มขึ้น 138% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน ตามการขยายสาขา และการส่งเสริมการตลาดที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น
ดังนั้น คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 10.5 บาท/หุ้น แม้ระยะสั้นการฟื้นตัวของค่าการตลาดฯจะช้ากว่าคาดจากราคาน้ำมันที่ผันผวนในช่วงกองทุนฯยังติดลบ แต่ไม่ได้เปลี่ยนภาพระยะยาวที่คาดต้นทุนน้ำมันที่กลับสู่ระดับปกติ จะส่งให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลับมาเป็นบวกและลดการแทรกแซงจากภาครัฐ หนุนให้ค่าการตลาดฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติได้ หนุนธุรกิจ oil อยู่ในขาฟื้นตัว รวมถึง Pun Thai รายได้โตก้าวกระโดด ส่งให้กำไรปกติฟื้นตัวต่อเนื่องใน 68-70
ด้านบล.ฟิลลิป แนะนำซื้อ เช่นกัน โดย คาดnon-oilหนุนกำไรไตรมาส 368 โตจากปีก่อน :คาดกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 198 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 182% จากปีก่อน ลดลง 37%จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากยอดขายและกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-oil ที่ขยายตัว ด้าน ปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 1–2% จากปีก่อน ขณะที่ค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.69 บาท/ลิตร ทรงตัวจากปีก่อน
ด้านยอดขาย Non-oil รวม LPG เติบโต 30–40% จากปีก่อน ขณะที่ Gross Profit รวมของธุรกิจ Non-oil ขยายตัวราว 80–90% จากปีก่อน และคาดยอดขายกาแฟพันธุ์ไทยโตประมาณ 2 เท่าเมื่อเทียบปีก่อนหน้า  ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดเพิ่มขึ้น 15–20% จากปีก่อน  โดยรวมคาดกำไรโตจากปีก่อน ตามการเติบโตของธุรกิจ non-oil แต่อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน ตามปริมาณขายน้ำมันที่เข้าสู่ low season
 
ขณะที่ช่วงปลายปีท่องเที่ยวหนุน โดยระยะสั้นคาดราคาหุ้นอาจได้รับแรงกดดันจากงบที่อ่อนตัว q-q และราคา ปรับขึ้นแรงช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้สำหรับการลงทุนยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หรือสะสมช่วงราคาอ่อนตัว  ราคาพื้นฐาน 10.20 บาท จากธุรกิจ non-oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ ไทยที่โตต่อเนื่อง รวมถึงปลายปี เป็นฤดูท่องเที่ยวจะช่วยหนุนยอดขายให้เพิ่มขึ้น