Talk of The Town
AOT เจรจา “คิงเพาเวอร์” แก้สัญญาดิวตึ้ฟรีแทนการยกเลิก โบรกฯ มองบวกถึงแนวทางที่ชัดขึ้น
30 ตุลาคม 2568
AOT เตรียมเจรจา “คิงเพาเวอร์” แก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี 3 สัญญา ปรับข้อเสนอจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ (MAG) เริ่มต้น พ.ย.นี้ หลังได้ข้อสรุปเป็นประโยชน์กว่าการยกเลิกสัญญา โบรกฯมองเป็นบวก ถึงแนวทางการแก้ไขสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีที่ชัดเจนมากขึ้น

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองถึงประเด็น ประชุมบอร์ดฯ AOT วานนี้ (29 ต.ค.) ได้รับทราบผลการศึกษาแนวทางการแก้ไขสัญญาประกอบกิจการดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานของ KPD โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ AOT ใช้แนวทางในการเจรจากับ KPD เพื่อแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี 3 สัญญา ได้แก่ 1) สนามบินภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่, 2) สนามบินดอนเมือง และ 3) สนามบินสุวรรณภูมิ
เนื่องจากเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์กับ AOT มากกว่าการยกเลิกสัญญา สำหรับขั้นตอนจากนี้ AOT จะมีการเจรจากับ KPD ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. โดยสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีเดิมที่มีการประมูลของสนามบินสุวรรณภูมิในปี 2562 ทาง KPD ได้ยื่นข้อเสนอจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee: MAG) ให้ AOT ปีละ 1.54 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น MAG ที่ 371 บาทต่อหัว หรือ revenue sharing ที่ 20% ของรายได้ ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนประเภทใดที่สูงกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับลดการคำนวณ MAG เพียงลำพัง ไม่ได้มีการเจรจากับ KPD ก่อน ดังนั้น AOT จะมีการเจรจาหารือกับ KPD โดยแนวทางเจรจาปรับแก้สัญญาครั้งนี้ เมื่อรวมผลประโยชน์ตอบแทนรายปีแล้วจะต้องไม่ต่ำกว่า 8.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้เสนอราคารายที่ 2 เคยยื่นประมูลในปี 2019
โดยเรามองเป็นบวกเล็กน้อยจากแนวทางการแก้ไขสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีที่มีความชัดเจนมากขึ้น โดยแนวทางเจรจา MAG จะต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าผู้เสนอราคารายที่ 2 ที่เคยยื่นประมูล แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา AOT มีการแก้ไขสัญญาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทำให้การจ่ายผลตอบแทนที่ AOT ได้รับจะยังจ่ายต่ำกว่า MAG ที่เคยประมูล ได้แก่
1.สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เคยยื่นประมูลปี 2562 คิงเพาเวอร์ ยื่นที่สูงสุดที่ 1.54 หมื่นล้านบาท ส่วนอันดับที่ 2 กิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี ที่ 8.5 พันล้านบาท ประเมินปี 2568 จ่ายที่ 9.5 พันล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่ประเมินจ่ายที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ลดลงเนื่องจาก AOT ขอคืนพื้นที่และการยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า
2. 3 สนามบินภูมิภาค (ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่) คิงเพาเวอร์ ยื่นจ่ายสูงสุดที่ 2.3 พันล้านบาท ส่วนอันดับที่ 2 เสนอจ่ายที่ 2.0 พันล้านบาท ประเมินปี 2568 จ่ายที่ 1.7 พันล้านบาท
3. สนามบินดอนเมือง คิงเพาเวอร์ ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวที่ 1.5 พันล้านบาท ประเมินปี 2568 จ่ายที่ 750 ล้านบาท
โดยจากข้อมูลดังกล่าว ผลประโยชน์ตอบแทนที่จ่ายจริงจะมีเพียงสนามบินสุวรรณภูมิที่จ่ายสูงกว่าผู้ประมูลอันดับที่ 2 ดังนั้น หากอิงข้อมูลผู้เสนอราคารายที่ 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิที่ 8.5 พันล้านบาท รวมกับที่จ่ายจริงของ 3 สนามบินภูมิภาค และดอนเมือง จะอยู่ที่ราว 1.1 หมื่นล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงจากเดิมไม่มาก รวมถึงการที่สนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่ให้บริการลดลงจากเดิม ดังนั้น ประเมินว่าการเจรจาอาจจะต้องปรับลดต่ำกว่าระดับ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมสัญญาเชิงพาณิชย์ที่ KPS ต้องจ่ายอีกราว 4.0 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในประมาณการปัจจุบันในปี 2569 ใช้สมมติฐานให้ KPD+KPS จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ AOT ราว 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาดิวตี้ฟรีที่ 8.0-9.0 พันล้านบาท และสัญญาเชิงพาณิชย์ที่ 4.0 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขหลังเจรจาจริงจะไม่ต่ำกว่าที่เราประเมินในปัจจุบัน
ดังนั้น ยังแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท โดยยังต้องติดตามผลการเจรจากับ KPD อย่างไรก็ตาม ประเมินตลาดจะให้น้ำหนักการปรับเพิ่ม PSC มากกว่า โดยเชื่อว่าผลการเจรจากับ KPD จะยังใกล้เคียงกับที่ประเมินหรืออาจมากกว่าเล็กน้อย ขณะที่ประเด็นการปรับขึ้น PSC จะยังเป็นอัพไซด์ให้กับ AOT ซึ่งประเมินการปรับเพิ่ม PSC สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศทุก 100 บาท จะช่วยเพิ่มราคาเป้าหมาย 3-4 บาท และผู้โดยสารในประเทศทุก 100 บาท จะช่วยเพิ่มราคาเป้าหมาย 2-3 บาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองถึงประเด็น ประชุมบอร์ดฯ AOT วานนี้ (29 ต.ค.) ได้รับทราบผลการศึกษาแนวทางการแก้ไขสัญญาประกอบกิจการดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานของ KPD โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ AOT ใช้แนวทางในการเจรจากับ KPD เพื่อแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี 3 สัญญา ได้แก่ 1) สนามบินภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่, 2) สนามบินดอนเมือง และ 3) สนามบินสุวรรณภูมิ
เนื่องจากเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์กับ AOT มากกว่าการยกเลิกสัญญา สำหรับขั้นตอนจากนี้ AOT จะมีการเจรจากับ KPD ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. โดยสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีเดิมที่มีการประมูลของสนามบินสุวรรณภูมิในปี 2562 ทาง KPD ได้ยื่นข้อเสนอจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee: MAG) ให้ AOT ปีละ 1.54 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น MAG ที่ 371 บาทต่อหัว หรือ revenue sharing ที่ 20% ของรายได้ ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนประเภทใดที่สูงกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับลดการคำนวณ MAG เพียงลำพัง ไม่ได้มีการเจรจากับ KPD ก่อน ดังนั้น AOT จะมีการเจรจาหารือกับ KPD โดยแนวทางเจรจาปรับแก้สัญญาครั้งนี้ เมื่อรวมผลประโยชน์ตอบแทนรายปีแล้วจะต้องไม่ต่ำกว่า 8.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้เสนอราคารายที่ 2 เคยยื่นประมูลในปี 2019
โดยเรามองเป็นบวกเล็กน้อยจากแนวทางการแก้ไขสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีที่มีความชัดเจนมากขึ้น โดยแนวทางเจรจา MAG จะต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าผู้เสนอราคารายที่ 2 ที่เคยยื่นประมูล แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา AOT มีการแก้ไขสัญญาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทำให้การจ่ายผลตอบแทนที่ AOT ได้รับจะยังจ่ายต่ำกว่า MAG ที่เคยประมูล ได้แก่
1.สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เคยยื่นประมูลปี 2562 คิงเพาเวอร์ ยื่นที่สูงสุดที่ 1.54 หมื่นล้านบาท ส่วนอันดับที่ 2 กิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี ที่ 8.5 พันล้านบาท ประเมินปี 2568 จ่ายที่ 9.5 พันล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่ประเมินจ่ายที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ลดลงเนื่องจาก AOT ขอคืนพื้นที่และการยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า
2. 3 สนามบินภูมิภาค (ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่) คิงเพาเวอร์ ยื่นจ่ายสูงสุดที่ 2.3 พันล้านบาท ส่วนอันดับที่ 2 เสนอจ่ายที่ 2.0 พันล้านบาท ประเมินปี 2568 จ่ายที่ 1.7 พันล้านบาท
3. สนามบินดอนเมือง คิงเพาเวอร์ ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวที่ 1.5 พันล้านบาท ประเมินปี 2568 จ่ายที่ 750 ล้านบาท
โดยจากข้อมูลดังกล่าว ผลประโยชน์ตอบแทนที่จ่ายจริงจะมีเพียงสนามบินสุวรรณภูมิที่จ่ายสูงกว่าผู้ประมูลอันดับที่ 2 ดังนั้น หากอิงข้อมูลผู้เสนอราคารายที่ 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิที่ 8.5 พันล้านบาท รวมกับที่จ่ายจริงของ 3 สนามบินภูมิภาค และดอนเมือง จะอยู่ที่ราว 1.1 หมื่นล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงจากเดิมไม่มาก รวมถึงการที่สนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่ให้บริการลดลงจากเดิม ดังนั้น ประเมินว่าการเจรจาอาจจะต้องปรับลดต่ำกว่าระดับ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมสัญญาเชิงพาณิชย์ที่ KPS ต้องจ่ายอีกราว 4.0 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในประมาณการปัจจุบันในปี 2569 ใช้สมมติฐานให้ KPD+KPS จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ AOT ราว 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาดิวตี้ฟรีที่ 8.0-9.0 พันล้านบาท และสัญญาเชิงพาณิชย์ที่ 4.0 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขหลังเจรจาจริงจะไม่ต่ำกว่าที่เราประเมินในปัจจุบัน
ดังนั้น ยังแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท โดยยังต้องติดตามผลการเจรจากับ KPD อย่างไรก็ตาม ประเมินตลาดจะให้น้ำหนักการปรับเพิ่ม PSC มากกว่า โดยเชื่อว่าผลการเจรจากับ KPD จะยังใกล้เคียงกับที่ประเมินหรืออาจมากกว่าเล็กน้อย ขณะที่ประเด็นการปรับขึ้น PSC จะยังเป็นอัพไซด์ให้กับ AOT ซึ่งประเมินการปรับเพิ่ม PSC สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศทุก 100 บาท จะช่วยเพิ่มราคาเป้าหมาย 3-4 บาท และผู้โดยสารในประเทศทุก 100 บาท จะช่วยเพิ่มราคาเป้าหมาย 2-3 บาท
ยอดนิยม
KTB จ่ายปันผล 0.43 บาท หลังผลการดำเนินงานแกร่ง ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 11 พ.ย. นี้
BANPU ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ควบรวม BPP ตั้งเป็นบริษัทใหม่ คาดธุรกรรมเสร็จในไตรมาส 3/69
AOT เจรจา “คิงเพาเวอร์” แก้สัญญาดิวตึ้ฟรีแทนการยกเลิก โบรกฯ มองบวกถึงแนวทางที่ชัดขึ้น
วันนี้รู้กัน! ชี้ชะตาหุ้น DELTA ตลท.ต่ออายุ “แคชบาลานซ์” หรือไม่?