Talk of The Town

TKN กำลังเจอมรสุม? เมื่อ Q3 กำไรอาจทรุด-ราคาหุ้นร่วงหนัก ก.ล.ต.ปรับ “ต๊อบ อิทธิพัทธ์” ข้อหาอินไซด์หุ้น


28 ตุลาคม 2568

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน(ณ วันที่ 27 ต.ค. 68) ได้ปรับตัวลง 36.42% อยู่ที่ระดับ 5.15 บาท ซึ่งล่าสุดบริษัทก็ต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน ล่าสุด ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ โดนก.ล.ต. สั่งปรับข้อหาใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น และฟากโบรกฯคาดผลงานไตรมาส 3/68 กำไรดิ่ง 43% เหลือ 92 ล้านบาท หลังค่าใช้จ่ายสูงขึ้น-ภาษีเพิ่มขึ้น

TKN กำลังเจอมรสุม__S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า TKN จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/68 ในวันที่ 10 พ.ย. โดยมีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 5 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่  97 ล้านบาท ลดลง 43.8% จากช่วงเดียวกัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่สูงขึ้นและอัตราภาษีที่แท้จริงเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้น 7.8% จากไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายที่เติบโต 10% และต้นทุนวัตถุดิบ (สาหร่าย) ที่ลดลง 2.9%

โดยเรามีมุมมองเชิงลบต่อผลการดำเนินงานของ TKN ในไตรมาส 3/68 เนื่องจากธุรกิจในต่างประเทศยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูและยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ขณะที่ตลาดในประเทศแม้จะมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในต่างประเทศ

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ยังมีข้อจำกัด แม้ว่าราคาสาหร่ายจะลดลงราว 10% แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายยังคงสูงจากการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น จากความต้องการระดมทุนเพิ่มเติมยังคงกดดันกำไรสุทธิ

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/68 เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากแรงหนุนของต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มอุปสงค์ในประเทศที่ทรงตัว

ทั้งนี้ เราปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 5.80 บาท ปัจจัยบวกที่อาจกระตุ้น การประเมินมูลค่าใหม่ ได้แก่ 1.ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นในตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศ 2.การฟื้นตัวของยอดขายต่างประเทศจากการเพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่ และการปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย และ 3.ราคาสาหร่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ต่อมาทางด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า ในระหว่างวันที่ 5 สิงหาคม - 9 พฤศจิกายน 2565 บุคคลทั้ง 5 รายดังกล่าว

โดยได้กระทำการที่เข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในที่ส่งผลกระทบด้านบวกต่อราคาหุ้น TKN ที่ตนรู้หรือครอบครอง ได้แก่ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ของ TKN ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 179.97 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลรอบที่ 2 (รอบพิเศษ)

 สำหรับผลการดำเนินการของไตรมาสดังกล่าว ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญด้านบวกต่อราคาหุ้น TKN ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเป็นการทั่วไป โดยพบว่าภายหลังจากที่นายอิทธิพัทธ์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท และนายณัชชัชพงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ (ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ) ได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว

โดยนายอิทธิพัทธ์ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางพนิดา และนาย ณัชชัชพงศ์ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคล 2 ราย ได้แก่ นางสาวฐิติรัตน์และนายจักรพันธ์ ก่อนที่ TKN จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565

การกระทำของนายอิทธิพัทธ์และนายณัชชัชพงศ์ กรณีซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

ส่วนการกระทำของนางพนิดา นางสาวฐิติรัตน์ และนายจักรพันธ์ที่ยินยอมให้นายอิทธิพัทธ์ และนายณัชชัชพงศ์ แล้วแต่กรณี ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 315 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ*กับผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย ดังกล่าว โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ (ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร) ดังนี้

1.ให้นายอิทธิพัทธ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 11,601,063 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 20 เดือน

2.ให้นายณัชชัชพงศ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,916,030 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน

3.ให้นางพนิดา ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 625,197 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 13 เดือน

4.ให้นางสาวฐิติรัตน์ และนายจักรพันธ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้นคนละ 625,197 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลาคนละ 9 เดือน

สำหรับการกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง

 ทางด้าน TKN ได้แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพยฯว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้เผยแพร่ข่าว ฉบับที่ 276/2568 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เรื่อง การใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 5 ราย กรณีซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในและช่วยเหลือการกระทำความผิด ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารที่อ้างถึงนั้น

บริษัทได้รับทราบการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวของสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาและรวบรวมข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายและเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีต่อไป  อย่างไรก็ดี ในวันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด บริษัทจะเร่งดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งแทนที่ตำแหน่งที่ว่างลงทุกตำแหน่ง และ บริษัทจะรายงานความคืบหน้าต่อตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติมต่อไป

TKN