Talk of The Town

SCB ผลงาน Q3 สุดปัง! ฟาดกำไร 1.2 หมื่นล้าน เติบโต 10% หลังเงินลงทุน-รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม


21 ตุลาคม 2568

SCB ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ทะยาน 12,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดันงวด 9 เดือนฟันกำไรสุทธิ 37,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% หลังกำไรจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น แถมตั้งสำรองลดลง

SCB ผลงาน Q3_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 จำนวน 12,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 37,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 29,413 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามปริมาณสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 3.3% ภายใต้การปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 10,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จำกปีก่อน จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตอย่างโดดเด่นจากการขายผลิตภัณฑ์การลงทุนมูลค่าสูง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงิน ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ

ด้านรายได้จากการลงทุนและการค้ามีจำนวน 3,326 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากกำไรจากพอร์ตการลงทุนของธนาคาร และของบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด

อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน 17,575 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 0.2% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 40.2%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งสำรองลดลง 1.3% จากปีก่อน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะการปรับตัวดีขึ้นของบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ทั้งนี้จำนวนสำรองดังกล่าวได้รวมสำรองพิเศษอีกจำนวน 1,400 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) คงอยู่ในระดับสูงที่ 161.7%

โดยแม้เผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภายนอก บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้น ไตรมาสที่ 3/2568 อยู่ที่ 3.30% ลดลงจาก 3.38% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.9%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB กล่าว ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความก้าวหน้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตอย่ำงมั่นคง ซึ่งเป็นผลจากการนำเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพของบุคลากรในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิต พร้อมทั้งพัฒนา

แพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดโอกาสการลงทุนแบบไร้พรมแดน เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจนี้ภายในปี 2569

ด้านการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาลงทะเบียนเมื่อสิ้นไตรมาสที่ผ่านมา มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการและได้รับความช่วยเหลือแล้วเป็นยอดหนี้รวมมากกว่าหกหมื่นล้านบาท

แม้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้าน SCB ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกในการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์ผ่านการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานอย่างลึกซึ้ง ด้วยพลังของ AI และนวัตกรรม โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการออกแบบกระบวนการใหม่ทั้งหมดไม่ใช่เพียงกำรลดค่าใช้จ่ายเฉพาะจุดหรือการปิดสาขา แต่เป็นการปรับวิธีการดำเนินงานทั้งระบบ เพื่อให้ต้นทุนการให้บริการลดลงอย่างยั่งยืนควบคู่กับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินนโยบายบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินในระยะยาว และพร้อมมีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ทันสมัยและการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล”

SCB