รายงานพิเศษ : PREB ลุ้นรัฐบาลเร่งรัฐวิสาหกิจลงทุน กรอบวงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท ดันภาคธุรกิจก่อสร้างฟื้นแกร่ง
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องมาจากการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เป็นหลัก ผลจากปีงบประมาณ69 มีวงเงินลงทุนกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งสศช. เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.3% ส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง รวมทั้ง บมจ.พรีบิลท์ (PREB)
เหว่ย เจิ้ง คิต หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจตลาดเอเชีย ซิตี้ คาดการณ์ว่า GDP ประเทศไทยจะเติบโต 2.2% ในปี 68 ก่อนจะชะลอลงเหลือ 1.6% ในปี 69 โดยเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการชะลอตัวที่ยาวนานขึ้นในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า เนื่องจากผลจากการเร่งการผลิตลดลงและภาษีส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศ
การเติบโตของการส่งออกชะลอตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากมีการเร่งการผลิต แต่มีสัญญาณการชะลอตัวที่ชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังของปี 68 การชดเชยการส่งออกในเดือนสิงหาคมแข็งแกร่งกว่าสำหรับประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนอื่นๆ โดยที่ส่วนเกินทางการค้าอาจบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสุทธิที่น้อยลงมาก (หรือแม้กระทั่งการหดตัว) ในไตรมาส 3/68 ในขณะที่การลดลงของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรอาจบ่งชี้ถึงแรงฉุดจากการลดสต็อกสินค้าที่รุนแรงขึ้น
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนยังส่งสัญญาณฟื้นตัว แต่จำกัดอยู่ในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ จากโครงการที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 66-67 อย่างไรก็ตาม ผลิตภาพแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ประเทศไทยเสียเปรียบในเชิงต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ อุปสรรคเชิงโครงสร้างยังคงเป็นข้อจำกัดต่อการดึงดูดการลงทุนระยะยาวในอนาคต
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลที่จะต้องนำพาเศรษฐกิจไทยให้กับมาขยายตัวดีขึ้น ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีขึ้นในภาวะปัจจุบันจะต้องพึ่งพาการลงทุนจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก
ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่างบลงทุนดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยให้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.3%
และครม. ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ให้นโยบายรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ในการไปปรับปรุงกฎระเบียบที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการประชาชน โดยให้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็น Customer Centric หรือการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
"การบริการของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ยังเป็นภาระ อุปสรรคกับประชาชน ก็ให้รัฐวิสาหกิจไปแก้ระเบียบให้เรียบร้อย ตลอดจนการไม่ได้รับความสะดวกจากการบริการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจ ขอให้ไปปรับปรุงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว"
การกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ส่งผลดีต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยนายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ระบุว่า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทปัจจุบันมียอดงานในมือ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยรับรู้ปีนี้ราว 30 - 40%
และบริษัทฯยังได้ยื่นประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานอีกหลายโครงการ รวมทั้งยังมีงานที่รอประมูลใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้กลยุทธ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เรายังคงเดินหน้าปรับพอร์ตงานรับเหมาก่อสร้างจากโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่โครงการเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และคลังสินค้า เพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า