หุ้นค้าปลีก รับโชคหลายเด้ง ปลดล็อกกำลังซื้อ-รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ เหมาะเข้าสะสมรับผลตอบแทนเด่น
กลุ่มค้าปลีกกำลังเข้าช่วงฟื้นตัวครั้งสำคัญ นักวิเคราะห์ชี้มีสัญญาณบวกจากการบริโภคที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แถมมีปัจจัยเร่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จะเป็นตัวปลดล็อกกำลังซื้อ และ การเลือกตั้งกลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการกระตุ้น เศรษฐกิจและเม็ดเงินจากกิจกรรมหาเสียง ชู CPALL- HMPRO เด่นสุดในกลุ่ม
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมไตรมาส 3/2568 คาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) เฉลี่ยอยู่ที่ ติดลบ 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยฟื้นตัวจากติดลบ 4.9% ในไตรมาส 2/2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
การฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบคาดเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจาก การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งในเดือนก.ย. ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อน ครั้งแรกในรอบ 8 เดือนจากความ คาดหวังต่อนโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน หลายนโยบาย ถูกออกแบบมาเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้มีโครงการหลักที่ผ่านมติ ครม.แล้วเช่น คนละครึ่งพลัสและการเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ คาดช่วยกระตุ้นไตรมาส 4/2568 GDP ให้เติบโต 0.2-0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าจะผลักดันมาตรการเศรษฐกิจออกมาเพิ่มทุกสัปดาห์ คาดช่วยปลดล็อกกำลังซื้อภาคครัวเรือนและส่งผลดีต่อผลประกอบการของหุ้นค้าปลีกในระยะถัดไป
นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดภาคการบริโภคตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 จะได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกอื่นได้แก่ 1.นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจากเงินเฟ้อต่ำ เปิดโอกาสให้ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปี ช่วยเพิ่มกำ ลังซื้อ และลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท
2. การลงทุนในประเทศมีแนวโน้ม เร่งตัวขึ้นทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานและการฟื้นตัวภาคอสังหาฯ ส่งผลบวกต่ออุปสงค์วัสดุก่อสร้าง และ กระตุ้นการจ้างงาน สอดคล้องอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.9% ซึ่งเป็นฐานที่มั่นคงในการ พยุงกำลังซื้อของประเทศ
และ 3. ภาคการท่องเที่ยวที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง High Season ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงส่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มค้าปลีก
อีกทั้งฝ่ายวิจัย เก็บสถิติการเลือกตั้ง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในช่วงก่อนและหลัง เลือกตั้งโดยปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2% และ 6% ตามลำดับ เทียบกับ SET ที่ปรับขึ้นเฉลี่ยเพียง 1.5-2.1% จุดที่น่าสนใจ
โดยพบว่าในกรอบระยะเวลา 3 และ 6 เดือนก่อนการเลือกตั้งเป็นช่วงเวลาที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดทั้งในแง่ของดัชนี COMM และหุ้นรายตัว จากไทม์ไลน์ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งช่วงมี.ค.-เม.ย.2569 ทำให้ประเมินว่าปัจจุบันเป็นจังหวะในการเข้าสะสมเพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากวัฏจักรการเมืองที่อิงสถิติมักสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการกระตุ้น เศรษฐกิจและเม็ดเงินจากกิจกรรมหาเสียง เมื่อผนวกกับการบริโภคในปัจจุบันที่ยังสามารถคาดหวังการฟื้นตัว คาดว่าสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะเกิดขึ้นซ้ำกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ในช่วงปี 2569
ดังนั้นคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มค้าปลีก “มากกว่าตลาด” แม้ราคาหุ้นตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมาบ้างแล้ว แต่ COMM Index ลดลง 20% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) Laggard SET Index ลดลง 8% YTD และในเชิง Valuation ถือว่ายังไม่แพง ซื้อขายบน PER25 เพียง -1-1.5 SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
และหากใช้ปี 2569 ที่คาดกำไรกลุ่มเติบโต 8% จากปีก่อน ยิ่งทำให้มูลค่าหุ้นน่าสนใจมากขึ้น บางบริษัทให้ Div. Yield สูง 4-6% ต่อปี เป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นค้าปลีกพื้นฐานดีที่มี Valuation ไม่แพงเพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากการ ฟื้นตัวของกำไรและราคาหุ้นที่จะกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยในอดีตเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพอีกครั้ง
โดยเลือกหุ้นเด่น CPALL (ราคาเป้าหมาย 66 บาท) ราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม ขณะที่ผลประกอบการมี Upside Risk และ HMPRO (ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท) ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากค่าใช้จ่ายคนในเขตเมืองลดลง เหมาะ สำหรับลงทุนระยะยาวและรับผลตอบแทนจากคาดการณ์เงินปันผลราว 6% ต่อปี
ยอดนิยม
โบรกฯ คาดวันนี้ CPAXT-OSP นำทัพหุ้นค้าปลีกโชว์ฟอร์มเด่น รับมาตรการ "คนละพลัส"
ทองดีดทดสอบ 4,275 เหรียญ ยังไม่ผ่าน! แรงซื้อมีแต่ไม่มากพอ จับตาสหรัฐ-จีนเจรจาการค้าก่อนภาษีใหม่
โบรกฯ เปิดรายชื่อหุ้น 4 กลุ่ม ได้ประโยชน์ช่วงท้ายปี 68 หลังรัฐบาลเร่งนโยบายกระตุ้น “จีดีพี”
PTTGC-SCC นำทีมปิโตรฯบวก รับข่าว "จีดีพี" จีนดีกว่าตลาดคาด ได้แรงหนุนส่วนต่างราคา HDPE เพิ่มขึ้น